การประชุมนานาชาติ Digital Bridge 2025 ที่กรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน เป็นทั้งการรวมตัวของนักเทคโนโลยี และเป็นการประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและมุ่งมั่นของประเทศในการก้าวเข้าสู่ยุค AI ในฐานะ “ศูนย์กลางดิจิทัลแห่งเอเชียยูเรเซีย” อย่างเต็มตัว
การเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจน จาก Digital Bridge สู่ AI Bridge
ประธานาธิบดี Kassym-Jomart Tokayev บอกว่า โลกได้เข้าสู่ยุค AI อย่างไม่อาจย้อนกลับ และนี่คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโฉมการเมือง เศรษฐกิจ และชีวิตประจำวันของคนหลายพันล้านทั่วโลก และคาซัคสถาน จะเปลี่ยนชื่อฟอรัมจาก “Digital Bridge” เป็น “AI Bridge” ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป การเปลี่ยนชื่อนี้สะท้อนถึงการปรับโฟกัสเชิงกลยุทธ์ของประเทศ จากการเชื่อมโยงทางดิจิทัลแบบกว้าง ไปสู่การขับเคลื่อนและกำกับดูแลเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะ
วิสัยทัศน์เชิงรุกและเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน
คาซัคสถานตั้งเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่ง นั่นคือการเป็น “ประเทศดิจิทัลอย่างแท้จริง” (truly digital country) ภายในสามปี การบรรลุเป้าหมายนี้ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง
การปฏิรูปรัฐบาล มีการจัดตั้ง กระทรวงปัญญาประดิษฐ์และการพัฒนาดิจิทัล ขึ้นใหม่ เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนและบูรณาการ AI ในทุกภาคส่วนของประเทศ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ การบริหารจัดการในรูปแบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ภายในสามปี
การสร้างนิเวศน์ AI แบบครบวงจร เพื่อรองรับการเติบโตของ AI คาซัคสถานได้ประกาศแผนงานสำคัญ
- การจัดตั้ง มหาวิทยาลัยวิจัยด้าน AI แห่งแรก
- การเปิดตัว ศูนย์นานาชาติเพื่อปัญญาประดิษฐ์ Alem.ai ซึ่งจะเป็น “โรงงานแห่งความคิดและนวัตกรรม”
- การวางแผนติดตั้ง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คลัสเตอร์ตัวที่สอง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่
เน้นย้ำความรับผิดชอบและจริยธรรม
แม้จะสนับสนุนการพัฒนาอย่างเต็มที่ แต่ผู้นำคาซัคสถานได้เน้นย้ำถึงประเด็น ความรับผิดชอบและจริยธรรมของ AI อย่างชัดเจนและเข้มงวด ประธานาธิบดีโตกาเยฟกล่าวอย่างหนักแน่นว่า
- AI เพื่อสันติ คาซัคสถานซึ่งเป็นประเทศที่เคยสละอาวุธนิวเคลียร์ ได้ประกาศจุดยืนที่แข็งกร้าวว่า AI จะต้องถูกใช้เพื่อ จุดประสงค์ด้านสันติเท่านั้น และ ห้ามมิให้ใช้ในกิจการทางทหาร การโจมตีทางไซเบอร์ หรือโครงการใด ๆ ที่คุกคามเสถียรภาพระหว่างประเทศ
- การกำกับดูแลและกฎหมาย เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ จึงมีการเร่งรัดการบังคับใช้ ประมวลกฎหมายดิจิทัล (Digital Code) และเพิ่งมีการรับรอง กฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Law “On Artificial Intelligence”) ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างกรอบทางกฎหมายที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
- การกำจัดความเหลื่อมล้ำ มีการเตือนถึงความเสี่ยงที่เทคโนโลยีจะ เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ บิดเบือนพฤติกรรมหรือทางเลือกของพลเมือง พร้อมย้ำว่า “ความยุติธรรมคือเมื่อเทคโนโลยีรับใช้ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ได้รับเลือก”
บทสรุป
คาซัคสถานประกาศ การปรับทิศทางของนโยบายแห่งชาติ ไปสู่การเป็นผู้นำด้าน AI ในภูมิภาคอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นความเข้าใจในกระแสโลก และความกล้าหาญในการทุ่มทรัพยากร (ทั้งการจัดตั้งกระทรวงใหม่ มหาวิทยาลัยเฉพาะทาง และศูนย์วิจัย) เพื่อเร่งการพัฒนาประเทศให้ทันโลกภายในกรอบเวลา 3 ปี การเน้นย้ำเรื่อง การใช้ AI อย่างสันติและมีจริยธรรม ยังเป็นจุดยืนที่สร้างความน่าเชื่อถือในเวทีโลก
อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานในการเปลี่ยนผ่านสู่ “ประเทศดิจิทัลอย่างแท้จริง” ภายในสามปีนั้นเป็นงานที่หนักเนื่องจากต้องมีการ แก้ไขปัญหาความท้าทายสามด้านพร้อมกัน ได้แก่ การดึงดูดทรัพยากร การสร้างองค์ความรู้ และการรักษาบรรทัดฐานทางจริยธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการประสานงานและความร่วมมือจากภาคส่วนที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่านั้น แต่รวมถึง นักปรัชญา สังคมวิทยา และนักกฎหมาย
การวัดผลความสำเร็จที่แท้จริงจะอยู่ที่ความสามารถของคาซัคสถานในการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ที่ “เป็นมิตรต่อโลก” นี้ให้เป็นความจริงในประเทศ โดยไม่ทิ้งช่องว่างทางดิจิทัลและสังคมไว้เบื้องหลัง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา