ด้วยสาขาในประเทศกว่า 1,900 แห่ง และยอดขายต่อปีกว่า 180 ล้านแก้ว คงไม่แปลกที่ Cafe Amazon จะครองเบอร์หนึ่งเชนร้านกาแฟในไทย แต่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน จึงส่งกาแฟดริปสำเร็จรูป เพื่อขยายโอกาสธุรกิจอีกทาง
โอกาสตลาดกาแฟในไทยยังเปิดกว้าง
เชื่อว่าหลายคนคงดื่มกาแฟอยู่เป็นประจำ และคิดว่าคนไทยคงดื่มกันวันละหลายๆ แก้ว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะโดยเฉลี่ยแล้วคนไทยดื่มกาแฟไม่ถึง 1 กก./ปี และหากลองพิจารณาเวลาชงกาแฟ 1 ช้อนชา ก็มีน้ำหนักราว 5 กรัมเท่านั้น ซึ่งถ้าคูณออกมาแล้วก็คงอยู่ราวๆ 200 แก้ว/ปี
ซึ่งแตกต่างกับประเทศที่บริโภคกาแฟเยอะๆ เช่นญี่ปุ่นที่ดื่มกาแฟกัน 3 กก./คน/ปี ดังนั้นตลาดกาแฟไทยจึงมีโอกาสอีกเยอะมาก โดยเฉพาะกับกาแฟสดที่จำหน่ายใส่แก้วตามร้านต่างๆ ทำให้หลายๆ คน รวมถึงแบรนด์ดังจากต่างชาติ เริ่มศึกษาประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะเกิดแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อช่วงชิงเค้กที่ใหญ่ขึ้นทุกปี
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. ผู้บริหารร้าน Cafe Amazon เล่าให้ฟังว่า จากที่สำรวจตลาดดู ปัจจุบันมูลค่าตลาดการแฟสดที่จำหน่ายใส่แก้วในร้านมาตรฐานอยู่ราว 25,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดนี้เติบโตขึ้นทุกปี เพราะคนไทยเริ่มคุ้นชินกับรสชาติ และมีความต้องการดื่มมากขึ้น
ถึงเป็นเบอร์หนึ่ง แต่ก็หยุดนิ่งไม่ได้
“ปีนี้เราน่าจะปิดรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ผ่านการจำหน่ายกาแฟภายในร้านราว 180 ล้านแก้ว และร้านอีก 2,000 กว่าสาขา โดย 80-90% บริหารงานโดยเฟรนไชส์ โดยช่วงสิ้นปีนี้เราลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องจักรตัวใหม่ และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 เท่าตัว จากเดิมที่ผลิตได้ 3,000 ตัน/ปี”
นอกจากนี้ Cafe Amazon ยังออกสินค้ากาแฟดริปสำเร็จรูป เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ แต่ไม่สะดวกเข้ามารับประทานที่ร้าน โดยจำหน่ายกล่องละ 120 บาท บรรจุ 5 ซอง และช่วงแรกยังจำหน่ายภายในร้าน Cafe Amazon ก่อน หลังจากนั้นมีแผนไปจำหน่ายจุดอื่นๆ เพื่อขยายตลาด และสร้างไลน์สินค้าที่มีรายได้จากนอกร้าน
หน้าใหม่-เก่า แข่งดุเดือด
สำหรับการแข่งขันในตลาดเชนร้านกาแฟสดในปี 2560 มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยผู้เล่นทุกรายต่างส่งสินค้าใหม่เข้ามาเพิ่มวาไรตี้ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวก็ค่อนข้างจูงใจผู้บริโภคให้เข้าร้านมากขึ้น และทาง Cafe Amazon ก็เดินกลยุทธ์นี้เช่นกัน รวมถึงปี 2561 การแข่งขันในลักษณะนี้ก็ยังมีอยู่ เพราะโอกาสในตลาดยังมีมหาศาล
สรุป
Cafe Amazon เป็นร้านที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผ่านการเปิดตามปั๊มน้ำมัน และมีเฟรนไชส์สนใจนำไปเปิดนอกปั๊มมากขึ้น จนกลายเป็นรายได้สำคัญในธุรกิจ Non-Oil ของกลุ่มปตท. ดังนั้นการเดินกลยุทธ์ครั้งใหม่กับการส่งสินค้ากาแฟดริปสำเร็จรูป ก็คงถูกคิดมาอย่างดีแล้ว ว่าน่าจะแข่งขันกับกาแฟพรีเมียมที่ชงกินตามบ้านได้ และด้วยราคาเพียง 120 บาท ก็คงสร้างการรับรู้การดื่มกาแฟที่แท้จริงให้กับผู้บริโภคที่ยังไม่ดื่มกาแฟได้ด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา