ภาพความคึกคักของตลาดเจียงหนานในกว่างโจว ที่ซึ่งรถคอนเทนเนอร์บรรทุกผลไม้ไทยจอดเรียงรายรอการซื้อขายอย่างเนืองแน่น เป็นภาพสะท้อนศักยภาพของสินค้าเกษตรไทยในตลาดจีนได้เป็นอย่างดี
แต่ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยจำนวนไม่น้อยอาจมีคำถามว่า ตลาดจีนใหญ่และมีโอกาสจริงหรือ? การแข่งขันจะเป็นอย่างไร และสำคัญที่สุดคือจะมีกระบวนการอย่างไร ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดขั้นตอน
ทั้งหมดมีคำตอบอยู่ในรายการ “เพื่อนคู่คริต ธุรกิจโต Go to China with DITP” ที่จะพาเราไปสำรวจตลาดจีนของจริง พร้อมข้อมูลที่น่าสนใจ ประกอบการวิเคราะห์โอกาสและความท้าทาย
ตลาดใหญ่จริงหรือ? โอกาสมีอยู่แค่ไหน?
ข้อมูลจากตลาดจีน พบว่า มณฑลกวางตุ้งเพียงแห่งเดียวมีขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ใหญ่กว่าประเทศไทย 4 เท่า และเป็นประตูนำเข้าผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของจีน โดยมี “ประเทศไทย” เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งในการนำเข้าผลไม้
- ทุเรียน มังคุด ลำไย และมะพร้าวอ่อนของไทย เป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดจีน ความต้องการนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มผู้บริโภครายย่อย แต่ยังรวมถึงเครือข่ายผู้ค้าส่งที่กระจายสินค้าไปทั่วประเทศจีนซึ่งมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน
- นี่คือ “โอกาส” เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและรอสินค้าจากไทยอยู่แล้ว ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่อง “จะมีคนซื้อหรือไม่” แต่เป็น “เราจะนำสินค้าไปถึงมือพวกเขาได้อย่างไร”
คู่แข่งน่ากลัวจริงไหม? ผลไม้ไทยจะสู้ได้อย่างไร?
ความกังวลถัดมาคือเรื่อง “การแข่งขัน” ทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านที่เริ่มปลูกผลไม้ชนิดเดียวกัน และแม้กระทั่งการที่จีนเริ่มปลูกทุเรียนได้เอง เรื่องนี้จะทำให้จุดยืนของผลไม้ไทยสั่นคลอนหรือไม่?
- ทูตพาณิชย์ ณ นครกว่างโจวให้ข้อมูลว่า แม้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แต่รสชาติและคุณภาพของผลไม้ไทยที่ปลูกบนดินไทยยังคงเป็น “เอกลักษณ์” ที่ยากจะเลียนแบบได้ ประกอบกับความต้องการในตลาดยังคงสูงกว่าปริมาณผลผลิตทั้งหมดรวมกัน ทำให้ผลไม้ไทยยังคงเป็นที่ต้องการในลำดับต้นๆ
- คู่แข่งไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นผู้เล่นที่มาช่วยกระตุ้นให้ตลาดเติบโตและสร้างการรับรู้ในวงกว้างขึ้น แต่หัวใจสำคัญคือ “การรักษามาตรฐาน” จุดแข็งของไทยไม่ใช่แค่การผลิตได้ แต่คือการผลิตสินค้าคุณภาพพรีเมียมที่มีรสชาติเป็นที่ยอมรับ ตราบใดที่ยังรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ โอกาสยังคงเปิดกว้าง
ขั้นตอนต้องทำอย่างไร และจะเริ่มต้นอย่างไร?
ความซับซ้อนของเอกสาร มาตรฐาน และกฎระเบียบต่างๆ คือกำแพงที่ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากถอดใจ แต่ในความเป็นจริง กระบวนการเหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากมี “พี่เลี้ยง” ที่ดี
- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP ทำหน้าที่เป็น “One Stop Service” โดยมีภารกิจหลักคือการ “จับคู่ธุรกิจ (Business Matching)” ระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าจีน ให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับกฎระเบียบที่จำเป็น เช่น มาตรฐาน GAP, GMP ไปจนถึงการลงทะเบียน GACC (General Administration of Customs of the People’s Republic of China) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการส่งออกไปจีน
- กรณีศึกษาจากผู้ประกอบการจริง คุณแต๊ก เจ้าของแบรนด์ทุเรียน “ทรัพย์บูรพา” ที่ดำเนินธุรกิจส่งออกมานานกว่า 29 ปี ยืนยันว่า DITP มีบทบาทสำคัญในการช่วยหาคู่ค้าและเปิดตลาดใหม่ๆ จากเดิมที่ตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งตู้ใช้เวลาขายเป็นสัปดาห์ ปัจจุบันตลาดเติบโตจนสามารถรองรับได้หลายร้อยตู้ต่อวัน
- การส่งออกไม่ใช่การ “ลุยเดี่ยว” อีกต่อไป ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์หรือลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง การใช้บริการจาก DITP เปรียบเสมือนการมีแผนที่และเข็มทิศ ช่วยลดระยะเวลา ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการเจรจาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
นี่คือโอกาสสำหรับทุกคนที่พร้อม
การส่งออกผลไม้ไทยไปยังตลาดจีน เป็นเรื่องของ การมองเห็นโอกาส การรักษาคุณภาพ และการเข้าถึงช่องทางที่ถูกต้อง ตลาดจีนยังคงมีความต้องการผลไม้ไทยอีกมหาศาล และความท้าทายเรื่องคู่แข่งสามารถรับมือได้ด้วยมาตรฐานและคุณภาพที่เหนือกว่า
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ ปัจจุบันมีหน่วยงานอย่าง DITP ที่พร้อมให้การสนับสนุนในทุกมิติ ตั้งแต่การให้ข้อมูล การจับคู่ธุรกิจ ไปจนถึงการให้คำปรึกษาด้านกฎระเบียบ เพื่อเปลี่ยนจาก “ความฝัน” ให้กลายเป็น “ความจริง” ที่จับต้องได้
หากคุณคือผู้ประกอบการที่สนใจเปิดประตูสู่ตลาดต่างประเทศ สามารถขอรับคำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
- สายด่วน DITP: 1169
- เว็บไซต์: www.ditp.go.th
มณฑลกวางตุ้ง มี GDP ใหญ่กว่าไทย 4 เท่า และนำเข้าผลไม้จากไทยเป็นอันดับ 1! บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกโอกาสมหาศาลของผลไม้ไทยในตลาดจีน พร้อมถอดรหัสว่าทำไม ทุเรียน มังคุด และมะพร้าว ของไทยจึงยังคงเป็น “เอกลักษณ์” ที่คู่แข่งเลียนแบบไม่ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา