คุณเห็นด้วยกับประโยค “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” หรือเปล่า
ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดร้านอาหารมากมาย หมวดหนึ่งที่เราจะลืมนึกถึงไปไม่ได้เลย คือ ‘ร้านอาหารอีสาน’ ที่มาพร้อมเมนูแห่งความแซ่บอีหลีมากมายทั้ง ส้มตำ ยำ และ แจ่วฮ้อน
‘ตำกระเทย สาเกต’ คือหนึ่งในนั้น โดยเป็นร้านอาหารอีสานพื้นบ้านรูปแบบใหม่ ที่ถูกนำเสนอในฉบับไทยสร้างสรรค์ ยกระดับวัฒนธรรมท้องถิ่นสู่สากล ให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงง่าย แต่ยังไม่ละทิ้งรากเหง้าเดิม
“ตำนานอาหารพื้นบ้านไทย The Pride of Legend Thai Native Food” คือสิ่งที่แบรนด์ยึดถือ
แบรนด์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากความตั้งใจของ ‘เก่ง-จิรเดช เนตรวงค์’ ผู้เชื่อว่า “เมื่อตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” และเรื่องราวความสำเร็จของตำกระเทย สาเกตจะเป็นอย่างไร มาดูกัน
จากความหลงใหลในปลาร้า สู่ยอดขายกว่า 300 ล้านบาท
ตำกระเทย สาเกต เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ที่ ‘สาเกตนคร’ หรือ ‘จังหวัดร้อยเอ็ด’ นั่นเอง
‘เก่ง’ เล่าว่า ‘ร้อยเอ็ด’ เป็นดินแดนอันเป็นหัวใจของวัฒนธรรมอีสาน เพราะเต็มด้วยความแซ่บ ความนัว และความสนุกสนานในเกือบทุกแง่มุมของวัฒนธรรม ตั้งแต่ประเพณี วิถีชีวิต ยันอาหารการกิน
และเก่งเองก็เป็นคนที่มีความหลงใหลใน ‘ปลาร้า’ ซึ่งเป็นหัวใจของอาหารอีสาน และเป็นวัตถุดิบที่แทบจะขาดไม่ได้เลยในเมนูอันดับหนึ่งในใจใครหลายคนอย่าง ‘ส้มตำ’
ปลาร้าไม่ใช่แค่วัตถุดิบพื้นบ้านเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติเฉพาะตัว มีความนัวเฉพาะทาง และเก่งก็นำมันมาใช้อย่างถูกวิธี ให้ได้มาตรฐานตามสุขอนามัย จนได้รางวัล ‘Michelin Guide’ สามปีซ้อน ตั้งแต่ 2023 ถึง 2025
นอกจากนี้ ตำกระเทย สาเกต ยังแตกออกมาอีกแบรนด์ ชื่อว่า ‘อิเจ้ แจ่วฮ้อน แอนด์ ชาบู’ ร้านหม้อไฟสไตล์อีสาน ที่มาพร้อมวัตถุดิบคุณภาพ เช่น เนื้อวากิวออสเตรเลีย หอยเป๋าฮื้อ และกุ้งแม่น้ำ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ความแซ่บแบบพื้นบ้านของอีสาน แต่เป็นเอกลักษณ์ในฉบับสากล
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ‘บริษัท ตำกระเทย เรสเทอรองต์ พลัส จำกัด’ สามารถทำรายได้ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดย
- 2020: 1.08 ล้านบาท
- 2021: 1.50 ล้านบาท
- 2022: 255 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นเกือบ 1.7 หมื่น%)
- 2023: 300 ล้านบาท
- 2024: 335 ล้านบาท
จากร้อยเอ็ด บุกกรุงเทพฯ ลุยสยาม
ในปี 2023 ตำกระเทย สาเกต ได้ขยับขยายเข้ามาเปิดตัวในกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ที่ ‘Silom Edge’
แต่ปีนี้ แบรนด์ขอยกระดับความสำเร็จไปอีกขั้น ด้วยการเปิด Flagship Store ณ ศูนย์การค้าใจกลางเมือง อย่าง ‘Siam Center’
ภายใน Flagship Store ของตำกระเทย สาเกต ทุกคนจะได้พบกับเมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอให้เป็นดาวเด่นประจำสาขา อาทิ กุ้งกระเทย แด๊นซ์ซิ่ง (กุ้งเต้น), เหลากระเทย, ลิ้นจี่ (ลิ้นวัวย่าง) และ ปลาดุกย่าง ข้าวจี่ ปลาร้าบอง พร้อมกับเมนูตามฤดูกาลอย่าง ‘ต้มอึ่งไข่ ชัยโย’
ในส่วนของ อิเจ้ แจ่วฮ้อน แอนด์ ชาบู ก็เพิ่มความพิเศษให้แฟนๆ เนื้อวากิว ทั้งในแบบ A4 ใบพาย ขาลาย และเสือร้องไห้ แถมยังเปิดตัว ‘น้ำซุปแจ่วปลาร้า’ ที่สามารถนำมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อวากิว หรือจะลองแบบก๋วยเตี๋ยวหมกก็ได้เช่นกัน
สาขา Flagship Store ถูกออกแบบมาให้สร้างบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง และเข้าถึงง่าย ผ่านการตกแต่งด้วยวัสดุไม้เป็นหลัก เหมือนกับทานอาหารที่บ้าน รวมถึงมีการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะไทย เช่น ยันต์ เรือนไทย และกระจ่อ ซึ่งเป็นเครื่องใช้พื้นบ้านของอีสาน
ด้วยดีไซน์แบบนี้ ตำกระเทย สาเกต เชื่อว่า จะช่วยยกระดับอาหารอีสานพื้นบ้านให้มีมูลค่าและตัวตนมากขึ้น
สามปีแห่งความยากลำบาก เส้นทางความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ
แน่นอนว่า ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ เพราะเก่งเล่าว่า ช่วงโควิด ทางร้านก็เจอวิกฤตเช่นกัน
เก่งเผยว่า ตำกระเทย สาเกต มีการลงทุนขยายสาขา สร้างสำนักงานใหญ่ และโรงงาน เพื่อให้ธุรกิจมั่นคง มีมาตรฐาน พร้อมส่งความสุขให้ลูกค้า แต่ดันมาเจอโควิดพอดี ทำให้ไม่สามารถเปิดร้านได้ หรือต่อให้เปิด ก็ต้องเปิดๆ ปิดๆ ขณะที่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างยังเท่าเดิม
“ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตำกระเทยฯ ของเรา เจอกับความยากลำบาก เจอกับวิกฤตการเงิน พบกับปัญหาที่ไหลเข้ามาทุกทิศทุกทาง เหมือนกับคนที่กำลังปีนยอดเขา แล้วกลิ้งตกลงมา บาดเจ็บสาหัส แขนขาหักไปหมดเลย เป็นสามปีที่ยากลำบากสุดๆ” เก่งกล่าวไว้ในปี 2023
อย่างไรก็ตาม เก่งสามารถผ่านมันมาได้ เพราะรู้จักยอมรับความผิดพลาด ก่อนจะมาตั้งสติจัดลำดับความสำคัญของปัญหา แล้วค่อยๆ ใช้เวลาลงมือแก้ไขมัน
หากวันนั้น ตำกระเทย สาเกต เลือกที่จะยอมแพ้ หรือหลับหูหลับตาไม่ดูข้อผิดพลาด เราก็คงไม่ได้เห็นความสำเร็จของแบรนด์ไทยอีกเจ้าหนึ่ง อย่างทุกวันนี้
แล้วบทความหน้า Brand Inside จะพาทุกคนไปรู้จักแบรนด์ไทยเจ้าไหนอีก รอติดตามกันได้เลย
ที่มา: keng_jiradech, ตำกระเทย Tumkratoei sagate
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา