” ปีหน้าจะเป็นจุดเปลี่ยนของ RS ครั้งสำคัญในรอบ 35 ปี “ หนึ่งในคำให้สัมภาษณ์ของเฮียฮ้อ ในวันที่ธุรกิจความสวยความงามทำเงินสูงสุดแซงสื่อทีวี ส่วนเพลงยังทรงตัวแต่เตรียมคืนสัญญาศิลปินค่ายอาร์สยามกว่า 100 ชีวิต พร้อมปรับตัว แต่ไม่มีวี่แววดิจิทัล
จาก “ธุรกิจสื่อ” มาเป็น “ธุรกิจพาณิชย์” | RS ในวันที่ต้องเปลี่ยนแปลง
“เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดโต๊ะแถลงแผนธุรกิจในปี 2018 โดยภาพรวม RS ค่อนข้างมั่นใจกับสัญญาณเศรษฐกิจที่จะเป็นบวกในปีหน้า
เฮียฮ้อเริ่มต้นการประกาศแผนธุรกิจโดยบอกว่า “ปีหน้าจะเป็นจุดเปลี่ยนของ RS ครั้งสำคัญในรอบ 35 ปี จะเป็นยุคใหม่ของ RS” เพราะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจนเปลี่ยนโฉมหน้าของ RS ไปจากเดิมก็คือ สัดส่วนรายได้ที่จะเปลี่ยนจากธุรกิจสื่อมาเป็นธุรกิจขายเครื่องสำอางอาหารเสริม จนต้องนิยามตนเองในเชิงธุรกิจว่า
- RS เป็น “ธุรกิจพาณิชย์” ไม่ใช่ธุรกิจสื่ออีกต่อไป โดยตั้งเป้าทั้งปี 2018 ไว้ว่า จะปิดรายได้รวมที่ 5,300 ล้านบาท : ธุรกิจความสวยความงามนำมาเป็นที่ 1 ของบริษัทที่ 2,500 ล้านบาท ธุรกิจสื่อ 2,450 ล้านบาท ธุรกิจเพลง 250 ล้านบาท และธุรกิจรับจ้างผลิตอีก 100 ล้านบาท
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เฮียฮ้อบอกว่า ถึงเวลาต้อง Transform ธุรกิจ “เพราะอาร์เอสเป็นอะไรก็ได้” แรกเริ่มจากธุรกิจเพลงมาเป็นสื่อ ส่วนปีหน้าธุรกิจสุขภาพและความงามขึ้นมาเป็นตัวนำของบริษัท ทั้งหมดนี้เฮียฮ้อบอกว่าใช้ทีมงานเดิมตลอด ไม่เปลี่ยน ไม่จ้างคนนอกมาทำ เพราะเชื่อว่าการลงทุนในตัวบุคลากรที่มีอยู่คือ “ความรู้ที่ได้” ซึ่งที่สำคัญมีค่ามากกว่ากำไรในทางธุรกิจ
ธุรกิจสื่อบุกเดินหน้าต่อ “เฮียฮ้อ” ตั้งเป้า ช่อง 8 ทำรายได้ 2,000 ล้านบาท
ชัดเจนว่าแนวโน้มของสื่อในมือ RS ที่มีทีวีดิจิทัลเป็นหัวหอกทำรายได้ให้บริษัทมาโดยตลอดในช่วงหลัง รวมถึงทีวีดาวเทียมอีก 3 ช่อง คือ ช่อง 2 สตาร์แม็กซ์, You Channel และ Sabaidee TV
แต่จากการคาดการณ์รายได้และแถลงทิศทาง RS ระบุว่า ธุรกิจสื่อของบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้ลงมาเป็นอันดับ 2 ส่วนธุรกิจความสวยความงามขึ้นที่ 1 รายได้ของบริษัทแทน แต่ถึงอย่างนั้น RS ก็ไม่หลุดโฟกัสในธุรกิจสื่ออย่างแน่นอน เพราะเฮียฮ้อบอกเลยว่า นี่คืออาวุธที่สำคัญในการต่อยอดธุรกิจ
RS วางแผนรุกสื่อทีวีช่อง 8 อันแข็งแกร่งของบริษัทต่อด้วยกลยุทธ์ “Primetime Focus” โดยจะเพิ่มความเข้มข้นในช่วงเวลา 6 โมงเช้า – 9 โมงเช้า (เรตติ้งเฉลี่ย 1.2 ล้าน) และ 6 โมงเย็น – 4 ทุ่ม (เรตติ้งเฉลี่ย 1.4 – 1.5 ล้าน) โดยจะดึงคอนเทนต์ต่างประเทศและในประเทศลงจอแบบไม่อั้น ที่สำคัญ เฮียฮ้อบอกว่า ค่าโฆษณาของสื่อโทรทัศน์ในเครือ RS โดยเฉพาะช่อง 8 จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 45%
- คำนวณกันแบบเฉลี่ยคือ ตอนนี้ค่าโฆษณาอยู่ที่นาทีละ 30,000 บาท จากนี้จะอยู่ที่ 40,000 – 50,000 บาท
ส่วนเรื่องรายได้วางเป้าไว้ว่า ช่อง 8 ที่เป็นหัวหอกจะทำได้ 2,000 ล้านบาท (จากเป้าเต็มที่ตั้งไว้ 2,450 ล้าน) โดยมาจากปัจจัยสำคัญคือ เรื่องเรตติ้งของช่องที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง 30 – 40% (คิดคำนวณแบบเทียบปี 2016 กับ 2017 : year on year) ส่วนรายได้อีก 450 ล้านบาทจะมาจากสื่อดาวเทียมและวิทยุในมือที่มีอยู่นั่นเอง
ธุรกิจสุขภาพและความงาม กล่องดวงใจใหม่ของ RS
หัวใจดวงใหม่ในธุรกิจของ RS คือ LifeStar ที่รวมเครื่องสำอางและอาหารเสริม (บางคนอาจเรียกเป็นชื่อเล่นๆ ว่า เฮียฮ้อขายครีม แต่ต้องบอกว่าไม่พอ เพราะขายอาหารเสริม บำรุงผิว บำรุงผมด้วย)
การเติบโตที่ก้าวกระโดดจากปีแรกที่ทำรายได้หลักร้อยล้านในหนึ่งปี จนปี 2017 ไตรมาสแรกทำไปแล้ว 199 ล้านบาท ตามด้วยไตรมาสที่สองที่ 300 ล้านบาท และไตรมาสสามที่ 422 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างสูงมาก และจะชัดขึ้นเมื่อเทียบกับธุรกิจสื่อที่ไตรมาสสามทำได้ 470 ล้านบาท
เฮียฮ้อฟันธงว่า จบทั้งปี 2017 นี้ ธุรกิจความสวยความงามจะโตไปถึง 1,400 ล้านบาท พร้อมทั้งเชื่อว่าตลาดนี้ยังโตได้อีกมาก (แม้จะตอบไม่ได้ว่า ขนาดตลาดมีเท่าไหร่ แต่บอกเปรยๆ มาว่า น่าจะถึงหลักแสนล้านบาท) ปีหน้าจึงประมาณการด้วยยอดการเติบโตในอัตราเร่งนี้ว่าจะขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของบริษัทที่จะทำรายได้สูงถึง 2,500 ล้านบาท แซงหน้าธุรกิจสื่อที่ 2,450 ล้านบาท
ส่วนตัวแผนธุรกิจ ตอนนี้ทำกับพาร์ทเนอร์ 3 รายคือ มาจีค, รีไวฟ์ และ เอส.โอ.เอ็ม มีรายการสินค้ากว่า 37 ชิ้น แต่ปีหน้าด้วยเป้าที่ประมาณการไว้สูงจึงจะจับมือกับพาร์ทเนอร์อีก 2 – 3 ราย และจะส่งสินค้าอีก 30 ชิ้น พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าที่มีตอนนี้ 7 แสนรายเป็น 1.5 ล้านราย
ธุรกิจเพลงยังทรงๆ ไม่ขายทิ้ง แต่เตรียมคืนสัญญาศิลปินกว่า 100 ชีวิต
เรียกได้ว่าเป็นการประกาศแผนธุรกิจที่ ลบกระแสข่าวลือเรื่องการขายธุรกิจเพลงของ RS ลงไปเรียบร้อย
เฮียฮ้อ ลั่นชัดเจนว่า ธุรกิจเพลงจะยังคงอยู่ แต่จะเป็นในแนวทรงตัวไปเรื่อยๆ ไม่เน้นการเติบโตของรายได้ โดยต้นเดือนธันวาคมนี้จะปรับโลโก้ของค่ายอาร์สยามเป็นรูปแบบใหม่ และที่สำคัญจะคืนสัญญาศิลปินในค่ายที่มีอยู่ตอนนี้กว่า 100 คนให้เหลือเพียง 30 คนเท่านั้น!
เฮียฮ้อ เผยสเป็คของศิลปินที่จะได้อยู่ต่อในสังกัดว่า “แน่นอนว่าต้องทำเงินได้ แต่อีกสิ่งที่สำคัญคือศิลปิน 1 คน ต้องทำได้มากกว่า 1 อย่าง” พร้อมทั้งยืนยันว่า การคืนสัญญาเป็นการให้อิสระกับศิลปิน จะกลับมาร่วมงานกันในส่วนธุรกิจอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา โดยตั้งเป้าว่าจะออกซิงเกิ้ลไม่ต่ำกว่า 40 เพลงต่อปี ส่วนรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 250 ล้านบาท
ทิศทางและก้าวเดินของ RS ต่อจากนี้ : Transformation แต่ไม่ Digital ชัดเจน
ฟังจากปากของเฮียฮ้อ นับว่ามีความชัดเจนอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนธุรกิจ โดยที่เป็นประเด็นหลักคือ รายได้หลักของ RS ที่ต่อจากนี้จะเป็นธุรกิจความสวยความงาม ไม่ใช่สื่อทีวีอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อทีวีช่อง 8 ของเฮียฮ้อยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แต่เอาเข้าจริง จะบอกว่า เฮียฮ้อไม่ได้เอ่ยถึง Digital เลยก็ไม่ได้ เพราะถ้าไปดูตามแผนจริงๆ ในด้านวิทยุ “คูลฟาเรนไฮต์” ของ RS ก็มีแผนที่จะขยายฐานเจาะกลุ่มลูกค้า GEN C ที่เชื่อมต่อกับออนไลน์โดยการทำ Radio ให้เป็น Audio บนออนไลน์มากขึ้น เช่น ฟังผ่านออนไลน์จะสามารถนำมารับรางวัลได้ แต่แผนในส่วนนี้ก็ไม่ได้ชัดเจนมากนัก และที่สำคัญในวันแถลงทิศทาง เฮียฮ้อก็ดูจะไม่ได้ mention หรือพูดถึงโดยตรงแต่อย่างใด
ลองดูทวิตเตอร์ด้านล่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงเหตุผลและข้อมูลของเฮียฮ้อที่ชัดเจนว่า ทำไม RS จึงไม่จำเป็นต้องสนใจดิจิทัล เพราะกลุ่มลูกค้าหลักในธุรกิจหลักของ RS เป็นคนอายุ 35 ปีขึ้นไปที่ยังดูสื่อทีวี
สรุป : สูตร Business Model ของเฮียฮ้อ
ถ้าติดตามแผนธุรกิจของ RS มา ก็จะเห็นได้ว่า สื่อทีวีในมือเฮียฮ้อคือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ และต่อจากไปนี้ การขายธุรกิจจะเข้มข้นขึ้น โดยใช้สื่อเป็นสะพานเชื่อม “สินค้า” กับ “ผู้บริโภค” เข้าหากัน
- เฮียฮ้อ ยังเปรยไว้ว่า ปีหน้า 2018 จะมีธุรกิจใหม่ผุดขึ้นมาอีก 2 – 3 อย่าง แม้จะยังบอกไม่ได้ว่าเป็นธุรกิจใด แต่ที่แน่ๆ จะเป็นสินค้าที่ทุกคนเข้าถึงได้และจำเป็นต้องใช้งาน เช่น สินค้าเครื่องครัว เฮียฮ้อแอบบอกว่า “อาจจะขายกระทะก็ได้ เห็นว่าขายดี”
- เฮียฮ้อ ฝากคำคมน่าคิดไว้ว่า “ที่ไหนมีปลาเยอะ คุณก็ต้องไปจับที่นั่น” แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้เราจะเห็นกันอยู่ว่าสูตร Business Model ของเฮียฮ้อเป็นการใช้สื่อในมือเพื่อขายสินค้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ เพราะโดยส่วนใหญ่ที่ทำกันในตลาด สื่อในมือไม่แข็ง แต่เน้นขายสินค้า ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ได้รอดกันหมดทุกราย
อีกอย่างที่น่าติดตามสำหรับ RS คือการจะย้ายสถานที่ของบริษัทที่ในปีหน้า เพราะจะย้ายจากที่ทำการปัจจุบันลาดพร้าว 15 ไปอยู่ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ขนาด 15 ไร่ เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ และเฮียฮ้อบอกว่า “เป็นที่ดินของผมเอง ไม่ใช่ของครอบครัว”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา