เพิ่งจะหายใจโล่งจากวิกฤตชิปขาดตลาด และการปิดโรงงานช่วงโควิด-19 แต่ อุตสาหกรรมรถยนต์ก็ต้องเจอศึกใหม่อีกครั้ง คราวนี้คือ ‘แรร์เอิร์ธ’ หรือ ‘ธาตุหายาก’
ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกกำลังวิ่งวุ่น หลังจากจีนเริ่มควบคุมการส่งออกธาตุหายากอย่างเข้มงวด ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็ก แต่แรร์เอิร์ธมีความสำคัญอย่างมากในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบเบรก เซ็นเซอร์ หรือแม้แต่กระจกมองข้าง
โดยจีนผลิตธาตุหายากกว่า 90% ของทั้งโลก ดังนั้นเมื่อจีนเริ่มคุมเข้ม อุตสาหกรรมรถยนต์ก็ถึงขั้น ‘แตกตื่น’
แรร์เอิร์ธทำป่วนทั้งวงการ
ปัญหาเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อรัฐบาลจีนประกาศมาตรการใหม่ที่ไม่เพียงแค่ชะลอการออกใบอนุญาตส่งออก แต่ยังเพิ่มระบบติดตามออนไลน์ที่บังคับให้ผู้ผลิตแรร์เอิร์ธรายงานปริมาณการค้า และเปิดเผยรายชื่อลูกค้า ทำให้การส่งออกแทบหยุดชะงัก ขณะที่ของในสต็อกก็ร่อยหรอลงทุกวัน
Frank Eckard ซีอีโอของ Magnosphere บริษัทผู้ผลิตแม่เหล็กในเยอรมนี บอกว่า ตอนนี้ทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังแตกตื่นเต็มที่ ทุกคนยอมจ่ายแพงแค่ไหนก็ได้ ขอแค่มีของก็พอ
โรงงานผลิตชิ้นส่วนในยุโรปหลายแห่งถึงขั้นต้องปิดตัวลง ขณะที่อีกหลายแห่งเตือนว่าอาจต้องหยุดการผลิตกลางเดือนกรกฎาคมนี้ หากไม่มีแรร์เอิร์ธเพิ่ม กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) และสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วน (CLEPA) ก็ออกมาเตือนว่ากำลังเข้าสู่จุด ‘วิกฤต’
วิกฤตรอบนี้ ถึงขั้นที่ซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ ต้องส่งจดหมายถึงรัฐบาลทรัมป์เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งทรัมป์ก็ตอบรับเมื่อวันศุกร์ โดยบอกว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตกลงจะอนุญาตให้ส่งออกแรร์เอิร์ธมายังสหรัฐฯ อีกครั้ง ถัดมาไม่กี่วัน จีนก็รายงานว่าอนุมัติใบอนุญาตให้กับ GM, Ford, และ Stellantis แล้ว
ฝั่งยุโรปก็ได้ข่าวดีบ้าง หลังจากการเจรจาการค้าในปารีส จีนประกาศตั้ง ‘ช่องทางพิเศษ’ สำหรับเร่งการอนุมัติใบอนุญาตส่งออกให้กับบริษัทในสหภาพยุโรป แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลแค่ไหน
ปัญหาเดิมๆ พึ่งพาประเทศเดียวมากไป
แต่ถึงจะมีใบอนุญาตกลับมา ปัญหาใหญ่ก็ยังไม่หายไป เพราะจีนยังครองตลาดธาตุหายาก ไม่ว่าจะเป็นการขุด การแปรรูป หรือการผลิต การควบคุมการส่งออกครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการตอบโต้ภาษีจากฝั่งสหรัฐฯ ก็ย้ำให้เห็นว่าโลกยังพึ่งพาจีนมากแค่ไหน
ผู้ผลิตรถยนต์จึงต้องหาทางแก้ในระยะยาว หลายค่ายอย่าง GM และ BMW กำลังพัฒนามอเตอร์ที่ใช้ธาตุหายากน้อยลงหรือไม่ใช้เลย ขณะที่บริษัทอย่าง Niron Magnetics และ Warwick Acoustics กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่พึ่งธาตุหายาก แต่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม
ในระยะสั้น ผู้ผลิตรถหลายรายจึงเริ่มหันไปสร้างสต็อกสินค้าล่วงหน้า หรือบางรายอาจต้องผลิตรถแบบไม่มีบางชิ้นส่วน แล้วจอดทิ้งไว้จนกว่าจะได้แรร์เอิร์ธมาใส่ แบบที่เคยทำช่วงขาดแคลนชิป
“นี่แค่สัญญาณเตือนเท่านั้น วันนี้อาจจะมีปัญหาแค่แรร์เอิร์ธ แต่พรุ่งนี้อาจเป็นกราไฟต์หรืออะลูมิเนียมก็ได้” Andy Leyland จาก SC Insights เตือน
สรุปก็คือ อุตสาหกรรมรถยนต์แม้จะก้าวสู่ยุค EV และเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังติดกับดักเดิมๆ นั่นก็คือการพึ่งพาประเทศเดียวมากเกินไป ในชิ้นส่วนที่ขาดไม่ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา