เมื่อ ‘หม้อแกง’ ไม่ได้ขายอยู่แค่เมืองเพชร แต่สามารถบุกเข้าร้านสะดวกซื้อระดับประเทศ เข้าไปในขายใน 7-Eleven และสร้างยอดขายมากถึง 4 แสนบาทต่อวัน นี่คือสิ่งที่ ‘ลุงเอนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์’ สามารถทำได้ด้วยฝีมือของทายาทรุ่น 3 อย่าง ‘โจ้-ประวิทย์ เครือทรัพย์’ ที่ผันตัวจากพ่อค้าขายขนมในออฟฟิศมาสืบทอดกิจการขนมหม้อแกงของครอบครัว
เมื่อทายาทรุ่น 3 เริ่มต้นจากการขายขนมในออฟฟิศ
‘โจ้-ประวิทย์ เครือทรัพย์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรบุรี ไทยดีเสิร์ท จำกัด เล่าว่า จุดเริ่มต้นของ ‘โรงงานลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์‘ สืบทอดขนมไทยรสชาติต้นตำรับมาตั้งแต่รุ่นคุณย่า ก่อนได้รับการสืบทอดมาจนกระทั่งก่อตั้งเป็นโรงงานผลิตขนมไทยโบราณ ไม่ว่าจะเป็น หม้อแกง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองถ้วยฟู ฯลฯ
ความโดดเด่นของ ‘โรงงานลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์’ ไม่เป็นสองรองใคร คงรสชาติโบราณ คงวัตถุดิบท้องถิ่น รวมถึงสามารถรักษาความอร่อยและสดใหม่ได้อย่างสม่ำเสมอ
ขณะที่ ‘โจ้-ประวิทย์’ เป็นทายาทรุ่น 3 ที่เดิมทำงานด้านวิศวกรรมแถวสนามบินสุวรรณภูมิมาก่อน ก่อนจะหันมสนใจธุรกิจขนมของที่บ้านตอนเข้าอายุ 28 ปี
“ผมบุกเบิกขายขนมในออฟฟิศ เสาร์อาทิตย์กลับบ้าน ก็ขนขนมของคุณพ่อกลับมาขายในที่ทำงาน เพราะมองเห็นว่าขนมเพชรบุรี ไม่เห็นต้องขายแค่ที่เพชรบุรี ซึ่งผลตอบรับดี ขายดีมาก คนที่ออฟฟิศชอบกัน ผมก็คิดนะหรือเราจะเอาดีด้านนี้ไปเลย และยังได้ทำงานที่บ้านเราด้วย เลยเป็นแรงผลักดันให้ผมกลับมาต่อยอดขายขนมที่บ้านเกิด ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจครอบครัวด้วย”
อยากให้ ‘ขนมเพชรบุรี’ ไปได้ไกล เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ในเวลาต่อมาคุณพ่อของ ‘โจ้’ ส่งไม้ต่อ เขาก็เข้ามาลุยธุรกิจขนมไทยอย่างเต็มตัว ความตั้งในของโจ้ ณ เวลานั้นคือ “สร้างวงการขนมเพชรบุรีให้ไปได้ไกลกว่านี้” ให้มีมาตรฐานอร่อย สะอาด ปลอดถัย ให้คนรู้จักขนมหม้อแกงเหมือนเวลาที่นึกถึงต้มยำกุ้ง ผัดไทย ข้าวเหนียวมะม่วง จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังสามารถรักษารสชาติขนมไทยต้นตำรับที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณย่า รวมถึงสามารถกระจายรายได้สู่ชุมชน ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชาวเพชรบุรีด้วย
‘โจ้’ จึงเริ่มจากการนำขนมหวานเพชรบุรีไปขายบนช่องทางออนไลน์เป็นเจ้าแรก ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ไลน์ และเฟซบุ๊ก รวมถึงส่งขนมไปขายปลีกและขายส่งทั่วประเทศผ่านรถ บขส. รถตู้ และรถทัวร์
นอกจากนั้น ยังได้รับจ้างผลิต (OEM) ให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการขนมนำไปตีแบรนด์ของตัวเอง จนถึงจุดหนึ่งโจ้จึงเริ่มคิดเรื่องการปรับปรุงแพ็คเกจให้หีบห่อสวยขึ้น และเริ่มนำชื่อของคุณพ่อมาสร้างเป็นชื่อแบรนด์ ‘ลุงอเนก’
แล้วยังตัดสินใจพัฒนาโรงงานที่ผลิต-จำหน่าย ขนมหวานพื้นเมืองเพชรบุรีจนได้มาตรฐาน อาทิ มาตรฐาน GHP/HACCP มาตรฐาน อย. มาตรฐานอาหารฮาลาล และอีกหนึ่งก้าวใหญ่ๆ ของแบรนด์ลุงเอนกกับการผลักดันและยกระดับขนมหม้อแกงเข้าร้าน 7-Eleven
“วันนี้ ขนมหม้อแกงเมืองเพชร ไม่ได้ดังเหมือนแต่ก่อน เพราะที่ไหนก็ทำขายได้ หาซื้อได้ง่ายขึ้น แบบไม่ต้องเดินทางมาถึงเพชรบุรี ผมมองว่าเทรนด์มันเปลี่ยนไป เราไม่ได้ขายดีเหมือนเดิมแล้ว ผมจึงมาคิดว่าจะขยับขยายขนมเรายังไง ให้หาซื้อได้ง่าย สะดวก สามารถเก็บได้ สดใหม่เสมอ ผมก็พยายามเรียนรู้และพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ เพื่อนำเสนอสินค้าเข้าเซเว่นฯ ให้ได้”
บุกเข้า 7-Eleven สร้างยอดขายวันละ 4 แสน
‘โจ้’ ได้พัฒนาสินค้าร่วมกับทีมของ 7-Eleven หาสินค้าที่เหมาะกับคนยุคใหม่ คุ้มค่าเหมาะสม จนออกมาเป็น ‘ขนมหม้อแกงกะทิสดเผือกหอม’ สินค้าตัวแรกที่ผลิตและจำหน่ายเฉพาะใน 7-Eleven เท่านั้น
เน้นความอร่อย สดใหม่ หวานน้อย ขนาดพอดีอิ่ม จำหน่ายในราคา 29 บาท นับตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าวางขายก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว ทำให้ลุงเอนกต้องเพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มพนักงาน ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่มากถึง 14,000 ชิ้นต่อวัน
โจ้ บอกว่า เสน่ห์ของขนมหม้อแกงกะทิสดเผือกหอมลุงอเนก คือ การใช้วัตถุดิบชุมชนของดีเมืองเพชรบุรี ทั้งน้ำตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าว ไข่เป็ด เผือกหอม และทุ่มทุนนำเข้าอุโมงค์อบขนมขนาดใหญ่ในการผลิตขนมให้ได้จำนวนมากในระบบปิด เพื่อควบคุมมาตรฐานความอร่อย คุณภาพ โดยเฉพาะสีของขนมไม่ให้อ่อนหรือเข้มจนเกินไป
ทำให้สินค้าขนมหม้อแกงสามารถสร้างยอดขายมากกว่า 400,000 บาทต่อวัน
“อีกหนึ่งความตั้งใจของผม คือ การเดินหน้าพัฒนาสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในชุมชน ปัจจุบันโรงงานเรามีพนักงานทั้งหมด 120 คน ประมาณ 80% เป็นคนท้องถิ่น แม้แต่วัตถุดิบที่ใช้ทำขนมในโรงงานหลักๆ ก็มาจากในพื้นที่อย่างเช่นไข่เป็ดวันละ 20,000 ฟองก็มาจากในชุมชนทั้งหมด เพื่อเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในชุมชน จากการนำ Soft Power อย่างขนมมาพัฒนาชุมชนให้ยั่งยืน”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา