Prada ทุ่ม 48,000 ล้านบาท ซื้อ Versace ก้าวแรกสู่อาณาจักรแบรนด์หรู หวังเทียบ LVMH และ Kering

Prada Group แจ้งบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Versace แบรนด์แฟชั่นหรูสัญชาติอิตาลีจาก Capri Holdings ตามมูลค่ากิจการล่าสุดที่ 1,250 ล้านยูโร หรือราว 48,000 ล้านบาท ถือเป็นก้าวแรกในการขึ้นสู่อาณาจักรแบรนด์หรู แต่ยังห่างไกลคู่แข่ง LVMH และ Kering ที่มีแบรนด์หรูหลายสิบแบรนด์

Prada

จุดเริ่มต้นแบรนด์อิตาลีร่วมใจ

ตั้งแต่ต้นปี 2025 มีข่าวการเจรจาซื้อกิจการ Versace ที่ปัจจุบันอยู่ในเครือ Capri Holdings โดย Prada Group มาอย่างต่อเนื่อง เพราะทาง Prada เองต้องการต่อยอดความแข็งแกร่งของทั้งสองแบรนด์ที่เป็นแบรนด์หรูจากอิตาลี เพื่อมาต่อกรกับกลุ่มแบรนด์หรูชั้นนำอย่าง LVMH และ Kering

สุดท้ายเรื่องดังกล่าวก็เกิดขึ้นจริง เพราะวันที่ 10 เม.ย. 2025 (ตามเวลายุโรป) ทั้งสองแบรนด์ประกาศดีลการควบรวมกิจการ โดย Prada Group จะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Versace จาก Capri Holdings ในมูลค่ารวม 1,250 ล้านยูโร หรือราว 48,000 ล้านบาท และตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะคาดว่าจะดีลเสร็จสิ้นครึ่งหลังปี 2025

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Versace เข้าสู่ครอบครัว Prada Group ความมุ่งมั่นของเราต่อความคิดสร้างสรรค์ งานฝีมือ และการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Versace” Patrizio Bertelli ประธานกรรมการ Prada Group กล่าว

ต้นกำเนิดที่ยาวนาน และการต่อกรคู่แข่ง

Versace เป็นแบรนด์หรูเก่าแก่ของอิตาลี ก่อตั้งในปี 1978 ที่เมืองมิลาน โดดเด่นด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งเป็นตัวแทนของความหรูหราแบบอิตาเลียนทั่วโลก และด้วยความเก่าแก่ รวมถึงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อนำมาผนวกกับ Prada ที่มีความเก่าแก่ และเป็นอิตาเลียนไม่แพ้กัน ก็น่าจะสร้างความชัดเจนของแบรนด์อิตาลีมากขึ้น

เพราะ Prada Group นอกจาก Prada แล้ว ยังมีแบรนด์หรูจากอิตาลีอีกแบรนด์คือ Miu Miu แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น และ Car Shoe แบรนด์รองเท้าทำมือ ยิ่งปัจจุบันแบรนด์หรูจากอิตาลีอยู่ในมือกลุ่มทุนฝรั่งเศสอย่าง LVMH (Fendi, Loro Piana) และ Kering (Gucci, Bottega Veneta) ดังนั้นอิตาลีจึงควรมีที่ยืนในตลาดนี้บ้าง

อย่างไรก็ตามการได้มาซึ่ง Versace นั้นอาจทำให้ Prada มีรายได้ที่มากขึ้น และเพิ่มอาณาจักรแบรนด์หรูของตัวเองได้ แต่เมื่อเทียบจำนวนแบรนด์หรูแล้วยังค่อนข้างห่างกับ LVMH และ Kering อยู่มาก เพราะคู่แข่งทั้งสองมีแบรนด์หรูในมือนับสิบแบรนด์ในปัจจุบัน

เจาะตัวเลขรายได้ของ Versace และ Prada

สำหรับมุมรายได้ของ Versace ในปีงบประมาณ 2025 (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2025) บริษัทคาดการณ์รายได้ 810 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นช่องทางขายปลีก 73% รองลงมาเป็น ขายส่ง 14% และค่าลิขสิทธิ์ 13% ส่วนหากแบ่งเป็นพื้นที่ ยอดขายในยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะกินสัดส่วนมากที่สุดที่ 42%

ส่วนฝั่ง Prada Group เมื่อควบรวมกิจการ Versace สำเร็จ จะส่งผลให้การบันทึกรายได้ย้อนหลังในปีงบประมาณ 2024 ที่สิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2024 เปลี่ยนแปลงเป็นมีรายได้รวม 6,300 ล้านยูโร แบ่งเป็น 64% จากแบรนด์ Prada, 22% จากแบรนด์ Miu Miu, 13% จากแบรนด์ Versace และแบรนด์อื่น ๆ อีก 1%

Brand Inside มองว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้น่าจะช่วยเสริมภาพลักษณ์กลุ่มแบรนด์หรูจากอิตาลีให้กับ Prada Group ได้ไม่มากก็น้อย แต่ตัวแบรนด์ Versace เอง แม้ก่อนหน้านี้จะมีอิทธิพลกับกลุ่ม Gen Z และถูกนำมาสวมใส่จากศิลปินดาราชั้นนำ แต่ปัจจุบันกระแสดังกล่าวเริ่มหดหาย และต้องมาลุ้นกันว่า Prada จะพากลับมาได้หรือไม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา