Melinda Gates เขียนบทความชิ้นล่าสุดบอกว่า วัฒนธรรมทำงานหนักแบบอเมริกัน ทำร้ายผู้หญิง ส่งผลเสียต่อชีวิตคู่ ครอบครัว และทำให้ความหลากหลายในที่ทำงานลดน้อยลง บริษัทต้องเลิกเรียกร้องให้พนักงานทำงานหนักได้แล้ว
งานหนัก รังแกชีวิตคู่ โดยเฉพาะผู้หญิง
Melinda Gates หนึ่งในผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและภรรยาของ Bill Gates ได้เขียนบทความลงใน Linkedin ของเธอชิ้นล่าสุด โดยต้องการสื่อสารว่า บริษัทอเมริกันต้องเลิกเรียกร้องให้คนทำงานหนักได้แล้ว
“เรากำลังส่งลูกสาวไปทำงานในสถานที่ที่ออกแบบมาเพื่อพ่อของพวกเรา” ข้อความนี้เป็นหัวข้อบทความของเธอ เธอบอกว่าคนอเมริกันทำงานหนักขึ้นจากแต่ก่อนทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง ตอนนี้เพิ่มขึ้นจะถึง 50 ชั่วโมงแล้ว ที่สำคัญเธอบอกว่า วัฒนธรรมการทำงานหนักทำร้ายผู้หญิง เพราะระบบการทำงานแบบนี้จะตีตราผู้หญิงว่าควรอยู่ทำงานบ้านและเลี้ยงลูก
ขยายความต่อคือ เมื่อบริษัทเรียกร้องให้พนักงานทำงานหนักขึ้น ความสมดุลของชีวิตระหว่าง “งาน” กับ “ครอบครัว” ก็จะลดลง แล้วเอาเข้าจริงส่วนใหญ่ก็จะต้องเทไปหางาน เพราะต้องยอมรับว่าปากท้องเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต แต่ทางออกของปัญหานี้ที่เห็นคือ ถ้ามีครอบครัวก็จำเป็นที่ใครคนใดคนหนึ่งต้องออกจากโลกการทำงานไปดูแลกิจการงานบ้าน และแน่นอนส่วนใหญ่คนที่ต้องออกไปจากวงโครจรการทำงานมักจะเป็น “ผู้หญิง”
“สถานที่ทำงานของอเมริกันออกแบบมาบนสมมติฐานที่ว่า พนักงานมีคู่ครองที่คอยช่วยทำงานบ้านเพื่อครอบครัวรออยู่แล้ว แต่สำหรับวันนี้ มันไม่ใช่แบบนี้อีกแล้ว” เธอเขียนไว้ในบทความ เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็ออกมารับผิดชอบการงานนอกบ้านและงานในบ้านกันอย่างเท่าเทียมกันแล้ว
ความคิดที่ว่าครอบครัวหนึ่งจะมี 1 คนทำงาน และ 1 คนรออยู่บ้าน ไม่ทำงาน เป็นความคิดที่ปรับไม่ทันโลกและกำลังสร้างปัญหา
ทางออกคือ “เทคโนโลยี” แล้วทำไมเราจะต้องทำงานหนักแบบนั้นด้วย?
อันที่จริงเรามีเทคโนโลยีมาทำให้การทำงานนั้นง่ายขึ้น แต่ดูเหมือนว่า เรากำลังทำงานหนักบนโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีเสียอย่างนั้น คำขวัญประจำใจแบบอเมริกันดรีมที่บอกว่าต้อง “ทำงานหนักหรือไม่ก็ล้มเหลว” ออกแนวเป็นประเภทอ่อนแอก็แพ้ไป
Melinda ไม่เห็นด้วย เธอบอกว่าเทคโนโลยีต้องทำให้คนทำงานง่ายขึ้น และมากกว่านั้นบริษัทต้องเลิกเรียกร้องให้พนักงานทำงานหนักเสียที พร้อมกับต้องมีนโยบายส่งเสริมคนที่มีครอบครัวด้วย เช่น มีหลักประกันให้กับลูกๆ ของพนักงาน ให้ทำงานแบบยืดหยุ่นได้ หรือให้ทำงานที่บ้านได้
เธอเชื่อมั่นว่าการส่งเสริมให้คนทำงานน้อยลง แต่เน้นความยืดหยุ่นในการทำงาน จะส่งเสริมให้ครอบครัวสามารถสร้างสมดุลของชีวิตและการงานได้ พร้อมๆ กันนั้นก็ช่วยเติมเต็มความหลากหลายในที่ทำงาน เพราะเอาเข้าจริง ไม่จำเป็นจะต้องมีใครออกไปจากโลกของการทำงาน ตราบเท่าที่คนๆ นั้นยังมีศักยภาพ ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขอะไรก็ตาม
ที่มา – Business Insider, Linkedin
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา