Starbucks ปลดพนักงาน 1,000 คน อยากเป็นเซฟโซนให้ลูกค้า แล้วพนักงานไม่ใช่ลูกป๊าหรอ?

ไม่ได้โม้ ที่บอกว่าจะจ้างออก พี่พูดจริง ไม่เคยล้อเล่น

starbucks

‘Starbucks’ ประกาศปลดพนักงาน 1,100 คน นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ของบริษัท

‘Brian Niccol’ ซีอีโอ Starbucks ชี้แจงกับพนักงานว่า ที่ต้องเลย์ออฟ ก็เพื่อปรับโครงสร้างบริษัทให้มันง่ายขึ้น ลดตำแหน่งซ้ำซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

จริงๆ Niccol เคยสปอยล์ไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 แล้วว่า จะมีการปลดพนักงานออกแน่ๆ แต่ยังไม่สามารถระบุตัวเลขออกมาได้

Niccol เองรู้ดีว่า การตัดสินใจครั้งนี้คือข่าวร้ายสำหรับพนักงานหลายๆ คน รวมถึงครอบครัวพวกเขา แต่ถ้าอยากให้บริษัทประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น ตนก็จำเป็นต้องปลดบุคลากรออก

อยากเป็นเซฟโซนให้ลูกค้า แล้วพนักงานไม่ใช่ลูกป๊าหรอ?

ถ้าใครตามข่าว Starbucks อยู่บ้าง คงพอจะรู้ว่าตอนนี้ บริษัทกำลังปรับทิศทางการดำเนินงานให้กลับไปเป็นอย่างเก่าในแผนที่ชื่อว่า ‘Back to Starbucks’

พูดง่ายๆ คือ Starbucks อยากกลับมาเป็นเซฟโซนหรือบ้านหลังที่ 3 ของลูกค้าทุกคนอีกครั้ง พร้อมตอกย้ำจุดยืนในการเป็นกาแฟพรีเมียมที่รังสรรค์โดยบาริสต้ามากฝีมือ

เบื้องต้นทางบริษัทก็ได้เริ่มปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าไปบางส่วนแล้ว เช่น

  • การกลับมาของ Condiment Bar
  • เขียนชื่อลูกค้าบนแก้ว
  • เพิ่มแก้วเซรามิกสำหรับทานในร้าน
  • ออกโปรโมชันลดราคาให้น้อยลง เพิ่มการเล่าเรื่องแบรนด์มากขึ้น
  • ไม่ชาร์จราคาเพิ่มสำหรับนม Non-Dairy
  • เพิ่มนโยบายเสิร์ฟออเดอร์ลูกค้าภายใน 4 นาที
  • ลดจำนวนเมนูออก 30%

อ่านๆ ดูก็เหมือนจะดี จนกระทั่งหนึ่งในแนวทางของกลยุทธ์นี้คือ Starbucks ต้องปลดพนักงานออกด้วย พร้อมกับเรียกบรรดารองประธานและผู้บริหารระดับสูงของฝั่งอเมริกาเหนือ กลับเข้าออฟฟิศอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ 

สำหรับพนักงานทั่วไป ถ้าไม่นับกลุ่มที่อยู่ในข้อตกลงการ Work From Home ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกเขาก็ต้องกลับเข้าออฟฟิศอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์เช่นกัน และถ้าใครขัดขืน เตรียมโดนไล่ออกได้เลย

นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของแผน Back to Starbucks เท่านั้น ในอนาคตบริษัทจะออกนโยบายอะไรอีก และจะกลับมาเป็นเซฟโซนของลูกค้าได้จริงไหม คงต้องติดตามกันต่อไป

ที่มา: Quartz, Starbucks

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา