ถ้าถามถึงหนึ่งในแบรนด์สกินแคร์ที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2024 จะขาดชื่อ ‘Her Hyness’ นี้ไปคงไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีสินค้าดังติดตลาดหลายตัวไม่ว่าจะเป็นมาส์กดำหรือกันแดด แต่ยังเป็นปีที่แบรนด์สามารถทำรายได้ทะลุ ‘พันล้าน’ ได้เป็นปีแรกด้วย
Brand Inside ได้มีโอกาสคุยกับ ‘แอล-กัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือ CEO ของ Her Hyness จึงได้ฟังเรื่องราวเส้นทางความสำเร็จของเธอกว่าจะมีวันนี้
หญิงสาวมากความสามารถ ผู้คร่ำหวอดในวงการบิวตี้
‘แอล-กัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์’ คือหนึ่งในผู้บริหารที่มีเส้นทางชีวิตไม่ธรรมดา เธอเรียนจบจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หลักสูตร BBA จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนเดินทางไปเรียนต่อหลักสูตร MBA ของ Harvard Business School ระหว่างที่กำลังร่ำเรียนอยู่ที่นั่ง ‘แอล’ ลังเลว่าอยากทำงานด้านแฟชันหรือบิวตี้ จึงสมัครเข้าไปฝึกงานในองค์กรยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง LVMH และ L’Oréal
ระหว่างที่ยังฝึกงาน ‘แอล’ ก็ยังลังเลว่าจะเริ่มต้นชีวิตการทำงานของเธอในอุตสาหกรรมแฟชันหรือบิวตี้ เธอเล่าว่า วิธีการคือปรึกษาผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญมากกว่า
เธอส่งอีเมลหาเหล่าผู้บริหารของแบรนด์ดังระดับโลกมากมายที่เป็น ‘ศิษย์เก่าของ Harvard Business School’ เหมือนกันเพื่อปรึกษา ก่อนจะได้รับสายจาก CEO ของแบรนด์ลักซัวรีชั้นนำระดับโลกแนะนำให้เธอเลือกเส้นทางในอุตสาหกรรมบิวตี้ก่อน แล้วจะเปลี่ยนมาลุยในสายแฟชันต่อยังไม่สาย จึงเป็นจุดเริ่มต้นในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการบิวตี้ของแอล
ช่วงปี 2009 ‘แอล’ เริ่มต้นชีวิตการทำงานใน L’Oréal ที่เรียกว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการความงามโลกอย่างแท้จริงก่อน หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยการดูแลหลายแบรนด์และได้ลองดูแลทั้งตลาดสิงคโปร์และไทย
ในอีกไม่กี่ปีให้หลังเธอก็ได้ขยับไปร่วมงานกับเครือความงามยักษ์ใหญ่ของโลกอีกเจ้าอย่าง Estée Lauder และครั้งนี้เป็นการท้าทายความสามารถอีกครั้งของเธอ เพราะรอบนี้คือการลุย ‘ตลาดจีน’ แถมเป็นการจับแบรนด์เครื่องสำอางใหญ่อย่าง M.A.C ด้วย
เส้นทางคุณแม่ลูกสอง หน้าพัง ผิวบาง จนต้องมองหาเครื่องสำอางที่ยั่งยืน
จนกระทั่งช่วงปี 2017 เธอจึงลาออกจากงานที่เธอรัก กลับมาทำแบรนด์ของตัวเองไปพร้อมๆ กับการเป็น ‘คุณแม่’ ไปด้วย จุดเริ่มต้นของ Her Hyness ก็คือช่วงเวลานั้นนั่นเอง ‘แอล’ เล่าว่าเธอเริ่มต้นทำ Her Hyness เพราะตอนนั้นเธอเจอกับปัญหาผิวอย่างหนัก ผิวพัง ผิวบาง เพราะใช้สกินแคร์ในกลุ่ม acid เพื่อหวังจะมีผิวสว่างกระจ่างใสขึ้น แม้ว่าตอนหลังจะหยุดใช้งานไปแล้วและรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่ผิวของเธอก็ยังบางมากจนทำให้การเลือกใช้สกินแคร์ในท้องตลาดเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ
จึงเป็นที่มาของการสร้างแบรนด์สกินแคร์ที่ ‘ยั่งยืน’ กับผิวหน้า มีสมดุลการเลือกใช้ส่วนผสมที่ดีที่ทำให้ผิวแข็งแรงไปนานๆ หรือที่แอลเรียกว่า Sustainable Beauty
ช่วงแรกของการสร้างแบรนด์ ‘แอล’ เล่าว่าไล่โทรหาโรงงานผู้ผลิตสกินแคร์หลายสิบเจ้า ไม่มีใครสนใจจะผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ไทยเล็กๆ ที่จำนวนผลิตไม่เท่าไร จนกระทั่งมีโรงงานหนึ่งตัดสินใจรับผลิตสินค้าของเธอ
‘แอล’ บอกว่าตลอดกระบวนการพัฒนาสินค้า ได้ใช้ประสบการณ์เกือบ 10 ปีในเส้นทางสายบิวตี้อย่างเต็มที่ รวมถึงใช้สัญชาตญาณของคนวงการสกินแคร์ในการตัดสินใจหลายครั้ง จน ‘Her Hyness’ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น
ทำแบรนด์ไป เลี้ยงลูกไป ทำได้ แก่นความสำเร็จคือ ‘สินค้าดี’
ช่วงระหว่างปี 2017 จนถึง 2020 เป็นช่วงเวลาที่ ‘แอล’ ต้องแบ่งเวลาระหว่างการเป็นคุณแม่มือใหม่จนถึงคุณแม่ลูกสองกับเจ้าของธุรกิจสกินแคร์หน้าใหม่ในวงการ เธอบอกว่าเธอทำไป เลี้ยงลูกไป จนถึงวันหนึ่งที่ลูกคนแรกเข้าโรงเรียนแล้ว เธอก็มีเวลาให้กับธุรกิจมากขึ้น และตัดสินใจตาม ‘สามี’ อย่าง ‘ปิยะภาพ เลิศธนไพบูลย์’ ที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศกลับมาช่วยกันสานต่อแบรนด์ของเธอ
หลังปี 2020 จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาแบรนด์ครั้งใหญ่ ทั้งรูปลักษณ์แพ็คเกจจิ้งไปจนถึงการเข้าสู่โมเดิร์นเทรดและอีคอมเมิร์ซ ‘Her Hyness’ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีรายได้หลายร้อยล้านบาทต่อเนื่อง 2 ปี และกลายเป็นพันล้านบาทครั้งแรกในปี 2024 ที่ผ่านมา
สิ่งที่ ‘แอล’ บอกว่าเป็น ‘แก่น’ ของความสำเร็จคือ ‘สินค้า’ ที่แข็งแกร่ง เธอบอกว่า Her Hyness เติบโตมาจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก ลูกค้าทุกคนที่ช่วยเล่าเรื่องราวของสินค้าของแบรนด์ โดยสินค้าที่ขายดีที่สุดของ Her Hyness ตอนนี้คือ ครีมกันแดด มาส์กดำ และเรตินอล
นอกจากนั้น อีกหนึ่งให้เหตุผลที่ ‘แอล’ ให้กับเรา คือ คนไทยรุ่นใหม่เองก็หันมาเลือกใช้ ‘แบรนด์ไทย’ มากขึ้น คนไทยรุ่นใหม่อายุน้อยไม่ได้คิดว่าจะต้องเลือกใช้แบรนด์เดียวกับที่รุ่นแม่เคยใช้มา แต่เปิดใจให้กับสกินแคร์และเครื่องสำอางไทยมากขึ้น จึงส่งผลเป็นบวกกับสกินแคร์ไทยมากมาย รวมถึง Her Hyness ด้วย
Brand Inside ชวนย้อนดูรายได้ของ Her Hyness หรือ บริษัท เมซัน รอยัล จำกัด
- ปี 2017 รายได้ 4 ล้านบาท กำไร 3 แสนบาท
- ปี 2018 รายได้ 19 ล้านบาท กำไร 7 แสนบาท
- ปี 2019 รายได้ 62 ล้านบาท กำไร 1.4 ล้านบาท
- ปี 2020 รายได้ 87 ล้านบาท กำไร 1.2 ล้านบาท
- ปี 2021 รายได้ 94 ล้านบาท กำไร 1.9 ล้านบาท
- ปี 2022 รายได้ 225 ล้านบาท กำไร 2.5 ล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 450 ล้านบาท กำไร 11.7 ล้านบาท
ส่วนในปี 2024 ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ นี้ CEO ยืนยันแล้วว่า Her Hyness สร้างรายได้ทะลุ ‘พันล้าน’ ได้สำเร็จเป็นปีแรก ดูจากรายได้ในปี 2023 แปลว่าปี 2024 แบรนด์มีรายได้เติบโตมากกว่า 100% จึงเป็นปีที่ Her Hyness เติบโตพุ่งสูงกว่าที่เคยมีมา
และนี่คือเส้นทางความสำเร็จของแบรนด์สกินแคร์ไทยที่มีศักยภาพจะไปต่อได้ไกลระดับโลก
- เครื่องสำอางเกาหลีแผ่ว เพราะคนไทยหันใช้แบรนด์ไทย ร้านเครื่องสำอางต้องลดเกาหลี เพิ่มไทยแทน
- ‘แบรนด์ไทย-ร้านไทย’ ขายดี โตพุ่ง 800% บน TikTok Shop ส่วนใหญ่มาจากครีเอเตอร์ไทยติดตะกร้ารีวิว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา