AIS จับมือ ตร.ไซเบอร์บุกรวบจีนเทาคารถ ยึดเครื่องส่ง SMS ปลอมสวมรอยชื่อผู้ส่ง AIS เหมือนข้อความจริง

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลุกหนักขึ้นทุกวัน ทำทุกวิถีทางเพื่อหลอกเหยื่อและให้ได้มาซึ่ง “เงิน” ล่าสุดส่ง SMS ปลอมแนบลิงก์โอนเงิน แต่ใช้ชื่อผู้ส่งเป็น AIS

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ ได้รับการประสานจาก AIS ว่าตรวจพบกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ขับตระเวนบริเวณชุมชน ห้างสรรพสินค้า ที่มีประชาชนหนาแน่น แล้วใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณความถี่ผิดกฎหมาย ส่งสัญญาณเข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมีโดยปลอมเป็นเครือข่าย AIS ทำการส่ง SMS ปลอมจาก Sender ชื่อ AIS ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ

ตำรวจไซเบอร์จึงร่วมมือกับทีมวิศวกร AIS สืบสวนติดตาม จนพบกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ฮอนด้า CRV สีบรอนด์ ที่ต้องสงสัย จึงได้สะกดรอยตาม พบรถคันดังกล่าวมาจอดที่ลานจอดรถของอะพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่งในซอยนวลจันทร์ 60

จากการสังเกตพบคนต่างด้าวลักษณะเหมือนคนจีนลงจากรถ และเข้าไปพักในที่พักดังกล่าว จึงเฝ้าจุดดูความเคลื่อนไหว จนกระทั่งเช้าของวันที่ 9 มกราคม 2568 หนึ่งในคนต่างด้าวได้มาที่รถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ทีมวิศวกร AIS และ เจ้าหน้าที่ กสทช. จึงได้เข้าแสดงตัวตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งหลังรถคันดังกล่าวเป็นเครื่อง False Base Station ที่ถูกติดตั้งไว้พร้อมใช้งานซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมแบบพกพาผิดกฎหมาย

จากการตรวจสอบพบโทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็มและซิมโทรศัพท์มือถือกว่า 30 รายการ จึงได้ทำการจับกุมตัวMR.LI อายุ 49 ปี และ MR. ZHU อายุ 47 ปีสัญชาติจีน และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการระบบสื่อสาร เราให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าให้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย จึงเดินหน้าทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ โดยการให้ความร่วมมือกับตำรวจ และหน่วยงานภาครัฐ ในการติดตามมิจฉาชีพ ตรวจสอบเส้นทาง ปิดกั้นการใช้เครือข่ายเป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน อย่างเรื่องการส่ง SMS ปลอม ผ่านอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี (False Base Station) เสมือนการปลอมเป็นเครือข่ายเอไอเอส ทำการส่ง SMS ปลอมจาก Sender ชื่อ AIS ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมแบบพกพาเถื่อน ผิดกฎหมายเพราะหลังจากการตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อมูลการได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด

ซึ่งเอไอเอสร่วมมือกับตำรวจตามจับมิจฉาชีพมาหลายเคสแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนภารกิจของฝ่ายความมั่นคงจนสามารถคำนวณเส้นทางการเคลื่อนตัวของมิจฉาชีพอย่างละเอียด ทำให้เข้าถึงแหล่งกบดานของกลุ่มนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้

นายวรุณเทพ ย้ำว่า “AIS ขอแจ้งไปยังประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อและให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์ แอดไลน์ หรือตอบกลับ SMS รวมถึงงดให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต วันเดือนปีเกิด รวมทั้งรหัส OTP ในการทำธุรกรรมใดๆ แก่แหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หากเป็นลูกค้า AIS เมื่อรับสายที่เข้าข่ายมิจฉาชีพ เมื่อวางสาย สามารถกด*1185# โทรออก ภายใน 5 นาที ระบบจะส่งเบอร์ล่าสุดที่รับสายไปเพื่อตรวจสอบและบล็อกทันทีหรือ หากได้รับ SMS ผิดปกติ ก็สามารถโทร.แจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Centerได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา