ในแต่ละวันมีการขนส่งสินค้าทางเรือทั่วโลกมหาศาล แต่ยังไม่มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้เท่าที่ควร เช่น การติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางขนส่งอย่างเป็นระบบ Flexport สตาร์ทอัพรายนี้จึงเกิดขึ้นมา ล่าสุดเพิ่งระดมทุนรอบใหม่ไป
ใช้เทคโนโลยีติดตามสินค้า จาก “ท่าเรือ” ถึง “มือผู้รับ”
โดยทั่วไปการขนส่งสินค้าผ่านตู้คอนเทนเนอร์ทางเรือทั่วโลก เป็นธุรกิจที่ทำกันมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างครบวงจร Flexport สตาร์ทอัพโลจิสติกส์ท่าเรือ มองเห็นช่องว่างตรงนี้จึงนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจนี้แบบครอบคลุม โดยจะมีการแทร็คสินค้าผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ขั้นแรก นับตั้งแต่การส่งสินค้าจากต้นทางไปจนถึงมือผู้รับ
ต้องบอกว่า Flexport เป็นสตาร์ทอัพที่คิดในสเกลใหญ่ เพราะในช่วงแรกที่เริ่มทำ ผ่านไป 1 ปี ก็สามารถระดมทุนได้ 65 ล้านเหรียญ (2,150 ล้านบาท) ทำให้เพียงปีเดียวมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ 365 ล้านเหรียญ (12,000 ล้านบาท)
แต่ล่าสุด ได้ระดมทุนรอบใหม่ในซีรีส์ C จำนวน 110 ล้านเหรียญ (3,640 ล้านบาท) ทำให้คาดการณ์ได้ว่าสตาร์ทอัพรายนี้จะมีมูลค่ารวมปัจจุบันอยู่ที่ 800 ล้านเหรียญ (26,400 ล้านบาท)
อธิบายการทำงานของ Flexport ให้เข้าใจก็คือ ทุกสินค้าที่มีการส่งออกไปจะมีการติดแทร็กสินค้าด้วยเทคโนโลยีที่ติดตามได้ รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแบบเรียลไทม์ นอกจากนั้นยังมีทีมงานวิเคราะห์เส้นทางการจัดส่งสินค้าผ่านการจัดการข้อมูลมหาศาล สตาร์ทอัพรายนี้บอกว่าหากใช้บริการส่งสินค้า จะมีข้อมูลรายงานในทุกขั้นตอนว่าสินค้าผ่านมือใครไปบ้าง
ทุนครั้งใหม่ที่ระดมมาได้นี้จะทำให้ Flexport เปลี่ยนแปลงหน้าตาธุรกิจจากเดิมที่เป็นแนวผู้ดูแลด้าน Software มาเป็นผู้ดูแลจัดการด้านโลจิสติกส์เต็มตัวมากขึ้น
ส่วนในตอนนี้ Flexport มีพนักงานทั่วโลกถึง 400 คน มีสำนักงานเจ็ดแห่งตั้งอยู่ในหลายประเทศ/เมือง ได้แก่ Amsderdam, Atlanta, Hong Kong, LA, New York, San Francisco และ Shenzen
ที่มา – techcrunch
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา