แม้จะเป็นผู้ให้กำเนิดเครื่องเล่น และเกมดังๆ มากมาย แต่ตลาด Video Game ในญี่ปุ่นกลับหดตัวต่อเนื่อง โดยยอดขายเฉพาะฤดูร้อนปีนี้มีมูลค่า 39,200 ล้านเยน (ราว 11,500 ล้านบาท) หรือ 1 ใน 3 ของเมื่อ 10 ปีก่อนเท่านั้น
Smartphone และพฤติกรรมเปลี่ยนคือตัวแปร
ปกติแล้วช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นเป็นเวลาที่มีการจับจ่ายกันมากที่สุด เพราะมีทั้งสินค้าใหม่ และการลดลราคา แต่ในฤดูร้อนปีนี้ ยอดขายเครื่องเกมทั้ง Console และ Handheld กลับลดลงถึง 24.1% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 14,200 ล้านเยน (ราว 4,180 ล้านบาท) ส่วนตัวเกมก็ลดลง 21.1% เหลือ 25,000 ล้านเยน (ราว 7,360 ล้านบาท)
ซึ่งถ้านำทั้งสองมูลค่ามารวมกันจะได้ 39,200 ล้านเยน (ราว 11,500 ล้านบาท) ลดลง 22.2% แต่ถ้าเทียบกับยอดขาย Video Game ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อ 10 ปีก่อน จะคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของมูลค่าดังกล่าวเท่านั้น เพราะเมื่อฤดูร้อนของปี 2550 มียอดขายถึง 1.13 แสนล้านเยน (ราว 33,270 ล้านบาท)
เหตุผลที่ตัวยอดขายหดตัวขนาดนี้ เพราะ Smartphone สามารถทดแทนความบันเทิงที่ได้จาก Video Game ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม Casual หรือเกมสั้นๆ เพื่อคลายเครียดจากชีวิตที่ยุ่งเหยิง และคงไม่มีเวลาไปเล่นเกม Big Name ที่ต้องใช้เวลานานในการเล่นได้
ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนไป ที่เวลาอยากเล่นเกมจริงๆ ก็จะหันไปพึ่งแพลตฟอร์ม Steam ที่เป็นศูนย์รวมเกมจากค่ายต่างๆ เอาไว้จำนวนมาก ไม่ได้มีแต่เกม Big Name มีทั้งเกมที่มีเนื้อหาแปลกใหม่ด้วย ซึ่งตอนนี้เกือบทุกบ้านก็มีคอมพิวเตอร์ ทำให้เข้าถึงแพลตฟอร์มดังกล่าวได้อย่างเต็มที่
สรุป
ตลาด Video Game หดตัวนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะถึงผู้ผลิตเกมจะลงทุนสร้างเกมด้วยงบมหาศาล แต่ถ้าคนไม่มีเวลาเล่นก็ไม่มีประโยชน์ และเมื่อ Smartphone มันตอบโจทย์เรื่องต่างๆ ได้ ก็คงไม่แปลกที่ Video Game จะถูกลดความนิยม แต่ถึงอย่างไรที่ญี่ปุ่นใช้ Steam กันมากขึ้น ก็แสดงให้เห็นถึงทักษะทางภาษาอังกฤษที่เพิ่มเช่นกัน
อ้างอิง // Rocketnews24
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา