การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษเริ่มมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เชื่อว่าหลายคนยังหาช่องทางการดูบอลพรีเมียร์ลีกอยู่ และเชื่อว่าจะเป็นช่องทางแบบถูกฎหมาย หนึ่งในนั้นคือบริการของแอพพลิเคชัน True ID ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน แต่มีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานหลายแสนรายแล้ว
คำถามคือ ทำไมต้องใช้ True ID ด้วย แล้วนอกจากดูพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะมีบริการอะไรอื่นๆ อีกหรือไม่ นันทนี วงศ์อำนิษฐกุล ผู้อำนวยการด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรูดิจิตอล แอนด์ มีเดีย แพลตฟอร์ม จำกัด ได้ให้คำตอบไว้อย่างชัดเจน
ไม่ใช่แค่พรีเมียร์ลีก แต่มีคอนเทนต์อีกเพียบให้ลอง
นันทนี บอกว่า ทรู มีธุรกิจมากมายหลากหลาย และทำให้มีลูกค้าต้องดูแลเป็นจำนวนมาก แค่ ทรูมูฟ เอช ก็มีลูกค้ามากกว่า 20 ล้านราย ยังมี ทรูวิชั่นส์, ทรูออนไลน์ ซึ่งลูกค้าบางคนก็คอนเวอร์เจนซ์บริการ บางคนก็เป็นลูกค้าเพียงบริการเดียว ที่ผ่านมามีบริการ True You เป็นระบบดูแลลูกค้าตามระดับ มี Black Card, Red Card
แต่สำหรับ True ID เรียกว่า คอนเวอร์เจนซ์ แอพพลิเคชัน เบื้องต้นเน้นในเรื่องของคอนเทนต์ โดยเป็นแอพที่รวมคอนเทนต์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว
ต่อไปไม่ว่าจะเป็น ทีวี, เพลง, หนัง, กีฬา หรือไลฟ์สไตล์ ก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ที่ True ID ที่เดียวจบ
5 หมวดคอนเทนต์ทรงพลังของ True ID
คอนเทนต์ที่ใช้ชูโรงในช่วงนี้หนีไม่พ้นกีฬา โดยเฉพาะ English Premier League ลีกแข่งขันฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ยังมีอีก 6 ลีก กับการแข่งขัน 5 ถ้วยสำคัญ และยังมีกีฬาอื่นๆ เช่น เทนนิส, กอล์ฟ และบาสเก็ตบอล NBA ให้เลือกดูได้อย่างเต็มที่
คอนเทนต์อื่นๆ หนัง จะเป็นหนังใหม่ที่เพิ่งออกจากโรงภาพยนตร์ ก่อนหน้านี้ เช่น Guardian of the Galaxy Vol.2 ออกโรงแล้วดูต่อได้ที่ True ID รวมถึงหนังอื่นๆ
เพลง มีทุกกลุ่มเพลง มี Playlist ให้เลือกฟังมาก แต่จุดเด่นที่สุดคือ เพลงเกาหลี ซึ่งจับฐานลูกค้าที่ชอบฟังเพลงเกาหลีในไทย
ทีวี มีรายการทีวีจาก True Vision และทีวีดิจิทัลทั้งแบบ Live Steaming และ Video on Demand
ไลฟ์สไตล์ มีทุกรูปแบบ กิน เที่ยว ออกกำลังกาย ดูดวง เรื่องของผู้หญิง
ไม่ต้องเป็นลูกค้า True ก็ใช้ได้ แต่เป็นลูกค้า True ใช้ดีกว่า
นันทนี บอกว่า แนวคิดของ True ID คือ อยากให้บริการคอนเทนต์ไปถึงผู้ใช้งานทุกคน ดังนั้นจึงไม่จำกัดว่าต้องเป็นลูกค้าทรูเท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกกฎหมาย ดังนั้นไม่ว่าจะใช้บริการมือถือของค่ายไหน ก็สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ แต่ก็ต้องมีระดับการเข้าถึงบริการอยู่
ในทางธุรกิจต้องยอมรับว่า มีบริการพรีเมียมสำหรับลูกค้าทรูโดยเฉพาะอยู่ ขอแค่ใช้บริการอะไรก็ได้จากทรู ก็สามารถเข้าถึงบริการระดับพรีเมียมได้ และการลงทะเบียนก็ใช้เพียง เลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก ระบบจะตรวจสอบได้ทันทีว่าเป็นลูกค้าบริการอะไร
“พรีเมียร์ลีกอังกฤษเพิ่งเปิดฤดูกาลไปไม่นาน True ID นำช่องกีฬามาให้ดูได้แบบสดๆ ทันที ใครเป็นผู้ใช้ ทรูมูฟ เอช สามารถเข้าดูได้ฟรี 3 เดือนแรก ส่วนผู้ใช้มือถือระบบอื่นดูได้ฟรี 1 เดือน จากนั้นขอแค่เป็นลูกค้าทรูในบริการใดบริการหนึ่ง สามารถรับสิทธิ์ดูต่อได้”
ไม่ได้มีแค่คอนเทนต์ แต่สิทธิประโยชน์กำลังตามมา
เวลานี้ True ID คือแอพรวมสารพัดคอนเทนต์ แบ่งเป็น 5 หมวด โดยทาง ทรู ยืนยันว่าแอพที่รวมทุกคอนเทนต์จากทุกบริการแบบนี้ไม่มีในตลาด True ID คือที่แรก
แต่คอนเทนต์เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของ True ID เท่านั้น
อนาคตอันใกล้นี้ True ID จะรวมสิทธิประโยชน์ของลูกค้าเข้าไว้ในแอพด้วย เพราะมองว่าพฤติกรรมการบริโภคคอนเทนต์ และการรับสิทธิประโยชน์จะไปพร้อมๆ กัน ซึ่งลูกค้าแต่ละคนอาจจะชอบคอนเทนต์ที่แตกต่างกันไป แต่จากการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค True ID สามารถนำเสนอสิทธิประโยชน์ได้ตรงความชอบของลูกค้าได้
นั่นคือ ก้าวต่อไปของ True ID
สรุป
Killer Content ของ True ID ในตอนนี้คือ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทรูจึงใช้โอกาสนี้ในการสร้างยอดผู้ใช้งาน True ID ให้เพิ่มขึ้น ขอแค่ใช้บริการอะไรสักอย่างของทรู มีสิทธิดูพรีเมียร์ลีกอังกฤษฟรีทางมือถือได้ (แอพอาจจะทำงานช้าในบางเวลาที่คนเข้าดูเยอะ) แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ การเก็บข้อมูลความชอบตามพฤติกรรมการดูคอนเทนต์ เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ให้ตรงความต้องการ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดทิศทางการทำธุรกิจ ซึ่งสิ่งที่ทรูต้องเร่งทำตอนนี้คือพัฒนาแอพให้ดีและต้องสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา