เศรษฐกิจไทยทำพิษ เจ้าของลดเกรดอาหารหมาแมว Royal Canin รับกระทบจริง หันรุกกลุ่มสัตว์แก่-ป่วย

ถ้าใครเคยคิดอยากเกิดเป็นหมาแมว เพราะวันๆ ไม่ต้องเครียดเรื่องเงินเรื่องงาน คุณอาจต้องคิดใหม่ เพราะล่าสุดน้องๆ ก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเหมือนกัน

Royal Canin

จากการพูดคุยกับ ‘นายสัตว์แพทย์ จดล สุวรรณฤทธิ์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) และ ‘อ.สพ.ญ.ดร.ม.ล. นฤดี เกษมสันต์’ นายกสมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย (VPAT) พบว่า ในปีนี้ เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง อัตราการเติบโตของตลาดอาหารสุนัขและแมว เหลืออยู่เพียง 3-3.5% ต่างจากช่วงโควิด ที่โตประมาณ 7-12%

สาเหตุหนึ่งที่ตลาดอาหารหมาแมวโตช้าลง เป็นเพราะในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เจ้าของพากันลดเกรดอาหารน้องๆ ลง 1 ขั้น เช่น จากที่เคยกินอาหารพรีเมียม ก็อาจเปลี่ยนเป็นอาหารเกรดทั่วไป หรือถ้าเคยกินอาหารเกรดทั่วไป ก็อาจถูกเปลี่ยนยี่ห้อเป็นระดับที่ประหยัดขึ้น

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการเปลี่ยนแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงนั้น ไม่ได้เป็นเพราะกำลังจ่ายน้อยลงอย่างเดียว แต่รวมถึงการมีอยู่ของผู้เล่นใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการใช้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเปลี่ยนยี่ห้อตามคำบอกเล่าในโซเชียล

ในทางกลับกัน ยังคงมีเจ้าของหมาแมวบางส่วนที่ยึดมั่นกับอาหารเกรดเดิม โดยหลักๆ แล้วจะเป็น ลูกค้าที่มีสัตว์เลี้ยงแค่ 1-2 ตัว หรือเป็นผู้เลี้ยงที่ความรู้ด้านความสำคัญของโภชนาการ

Royal Canin จับมือ VPAT กระจายความรู้เรื่องโภชนาการน้องหมาน้องแมว

Royal Canin

แน่นอนว่า Royal Canin ในฐานะอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปโดยตรง บริษัทจึงหันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เห็นคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบกับคอยให้ความรู้ผู้บริโภคในเรื่องนี้ผ่านการร่วมมือกับ VPAT 

การร่วมงานระหว่างสององค์กร เป็นแผนธุรกิจต่อเนื่องของ Royal Canin เพื่อสานต่อปณิธานในการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับหมาแมว ด้วยการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้รอบด้าน และพัฒนาคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงอย่างยั่งยืน

จดลเสริมว่า ในฐานะผู้ประกอบการ สิ่งที่ต้องปรับตัว คือการเน้นให้ความรู้ เช่น เรื่องปริมาณอาหารที่สอดคล้องกับสัตว์เลี้ยง ความสำคัญของโภชนาการ และวิธีการสังเกตอุจจาระน้องๆ เพื่อเช็กสุขภาพ 

พร้อมลุยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสูงวัย และอาหารสำหรับหมาแมวป่วย

pet

ปัจจุบัน ธุรกิจหลายๆ เจ้ายังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอาหารสัตว์เลี้ยงสูงวัย หรือที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป ซึ่งนับเป็น 15% ของประชากรหมาแมวทั่วประเทศ

โดยน้องๆ วัยนี้ ควรได้รับอาหารที่เคี้ยวสะดวก ย่อยและดูดซึมง่าย ซึ่งถ้ายิ่งมีอายุเกิน 12 ปี ก็ควรจะทานอาหารที่ต่างจากช่วงสูงวัยตอนต้น เพราะทางเดินอาหารอาจเสื่อมลงมาก

นอกจากนี้ Royal Canin คาดว่า ปีหน้า เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในตลาดคือ เจ้าของอาจตามหาอาหารที่ตรงกับความต้องการพิเศษ เช่น ดูแลผิวหนังและขน ป้องกันนิ่ว ควบคุมน้ำหนัก หรือดูแลเรื่องก้อนขนของน้องแมว

อาหารประเภทนี้เรียกว่า ‘Special Care’ ซึ่งยังมีผู้เล่นในตลาดไม่มากนัก เพราะกิจการส่วนใหญ่เน้นไปเจาะกลุ่มหมาแมววัยเด็กหรือผู้ใหญ่มากกว่า 

จดลมองว่า ตอนนี้ มีหมาแมวจำนวนหนึ่งที่เติบโตมากับอาหารคุณภาพไม่ดีเท่าไหร่นัก จนอาจนำไปสู่โรคภัยต่างๆ  ได้ รวมถึงน้องๆ ที่ถูกรับเลี้ยงช่วงโควิด ก็กำลังจะกลายเป็นหมาแมวแก่กัน ดังนั้น ในอนาคต ประเทศไทยคงมีสัตว์เลี้ยงป่วยมากขึ้น 

ด้วยเหตุนี้ Royal Canin จึงเดินหน้าบุกตลาดอาหาร Special Care และอาหารหมาแมวสูงวัย เพื่อตอบโจทย์ประชากรส่วนนี้ที่กำลังขยายเพิ่ม

ทางบริษัทเชื่อว่า แม้อาหาร Special Care จะราคาสูงกว่าปกติประมาณ 20-30% แต่เจ้าของก็พร้อมจ่าย เพราะต้องการสิ่งที่ดีสุดสำหรับสัตว์เลี้ยงตนเอง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา