ตลาดธุรกิจฟิตเนส 10,000 ล้านบาท ในไทยกลับมาโตอีกครั้ง Virgin Active แจ้งรายได้รวมปี 2023 ที่ 2,500 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท เหตุคนไทยรักสุขภาพมากขึ้น เตรียมขยายส่วนพิลาทิสรับดีมานด์เพิ่ม ฟากคู่แข่ง Jetts Fitness และ Fitness First รายได้เติบโต แต่ต่างขาดทุนสุทธิกว่า 200 ล้านบาท
ฟิตเนสหมื่นล้านเริ่มกลับมาโต
หลังเผชิญกับวิกฤติโรคโควิด-19 ระบาด ในช่วงปลายปี 2019 จากนั้นธุรกิจฟิตเนสก็ประสบปัญหาอย่างหนัก เพราะไม่สามารถเปิดให้บริการได้ และถึงจะเริ่มกลับมาให้บริการออนไลน์ แต่รายได้ที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถทดแทนส่วนที่หายไป ซึ่งปัจจุบันวิกฤติดังกล่าวได้หายไปแล้ว และธุรกิจฟิตเนสกำลังจะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
จูเลียน เบรา ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย และสิงคโปร์ Virgin Active เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมตลาดฟิตเนสในประเทศไทยมีการแข่งขันสูง ผ่านผู้เล่นทั้งรายเล็ก และรายใหญ่จำนวนมาก แต่ยังมีโอกาศการเติบโตค่อนข้างสูง อ้างอิงจากผลสำรวจที่มีคนไทยถึง 71% ให้ความสำคัญอย่างมากในด้านการดูแลสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี
“ปัจจุบันตลาดฟิตเนสในประเทศไทยมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์อยู่แล้ว และถึงจะเติบโตผ่านการแข่งขันที่สูง แต่ยังไม่มีใครจริงจังในเรื่อง Wellness หรือการมีสุขภาพองค์รวมที่ดี จึงเป็นโอกาสของ Virgin Active ในการสร้างการเติบโต” จูเลียน เบรา กล่าว
รายได้เติบโตสองหลัก เล็งเปิดสาขาใหม่เพิ่ม
จูเลียน แจ้งว่า ในปี 2023 บริษัทมีรายได้เติบโตในอัตราสองหลักในประเทศไทย และอยู่ระหว่างหาพื้นที่เปิดสาขาใหม่เพิ่ม โดยยังเน้นที่การเดินทางสะดวก และมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ หรือ 3,000-4,000 ตร.ม. เป็นอย่างน้อย รวมถึงเตรียมขยายส่วนออกกำลังกายแบบพิลาทิสที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเช่นกัน
ปัจจุบัน Virgin Active มีสาขาในประเทศไทยทั้งหมด 8 แห่ง เป็นในกรุงเทพ และปริมณฑล 7 แห่ง กับเชียงใหม่ 1 แห่ง สำหรับราคาแพ็กเกจอยู่ที่ 498 บาท/สัปดาห์ จนถึง 1,299 บาท/สัปดาห์ โดยหนึ่งในจุดเด่นของ Virgin Active คือการมีสระว่ายน้ำของตัวเอง และพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม Virgin Active ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขสมาชิกในประเทศไทย มีเพียงแจ้งสมาชิกทั่วโลกในปี 2023 มากกว่า 1 ล้านราย จากการให้บริการใน 8 ประเทศ ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร, อิตาลี, แอฟริกาใต้, นามีเบีย, บอตสวานา, สิงคโปร์, ไทย และออสเตรเลีย รวมทั้งหมด 227 สาขา
จากข้อมูลแจ้งยอดทะลุ 2,500 ล้านบาท โต 369%
Brand Inside สำรวจข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัท เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด มีรายได้รวมในปี 2023 ที่ 2,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 369% จากปี 2022 และมีกำไรสุทธิ 1,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 467% แตกต่างจากตั้งแต่ปี 2020 ขาดทุนสุทธิราว 400 ล้านบาท มาโดยตลอด
สำหรับในระดับโลก Virgin Active มีรายได้รวมในปี 2023 ที่ 511.4 ล้านปอนด์ หรือราว 22,400 ล้านบาท เติบโต 17.2% จากปี 2022 ทั้งหมดนี้มาจากสาขาในสหราชอาณาจักร 32 แห่ง, อิตาลี 40 แห่ง, พื้นที่แอฟริกาใต้ 132 แห่ง และเอเชียแปซิฟิก 23 แห่ง ไม่มีการเปิดสาขาใหม่ในปี 2023
หากแบ่งตามรายได้จะพบว่า 511.4 ล้านปอนด์ จะมาจากค่าสมาชิก 432.3 ล้านปอนด์ และที่เหลือเป็นรายได้อื่น ๆ เช่น ค่า Personal Training, ค่าเรียนว่ายน้ำ รวมถึงค่าอาหาร และเครื่องดื่ม โดย Virgin Active มีร้านอาหาร สุขภาพ Kauai เปิดในหลายประเทศที่ทำตลาด รวมถึงไทย กับร้านอาหารสุขภาพ Nu
คู่แข่งในอุตสาหกรรมยังขาดทุนต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกับ Virgin Active ในประเทศไทย แม้มีรายได้เติบโตจากการฟื้นตัว แต่ยังประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการ Fitness First มีรายได้รวมในปี 2023 ที่ 2,117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% แต่ขาดทุนสุทธิ 233 ล้านบาท
ส่วน บริษัท ฟิตเนส แอนด์ ไลฟ์สไตล์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการ Jetts Fitness มีรายได้รวม 953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% ขาดทุนสุทธิ 270 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดในส่วนรายได้ของธุรกิจฟิตเนสในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
แต่ถึงอย่างไร กลุ่มฟิตเนสที่มีสาขาจำนวนมากยังเผชิญกับคู่แข่งที่เป็นสาขาน้อยกว่า หรือ Studio Fitness ที่เน้นการออกกำลังกายแบบเฉพาะทาง เช่น พิลาทิส หรือ HIIT ผ่านความแตกต่างเรื่องความเชี่ยวชาญ และใส่ใจลูกค้าได้มากกว่า มาแย่งลูกค้าไปเช่นกัน
Studio Fitness ร่วมมือกับแบรนด์กีฬาจูงใจ
ตัวอย่างเช่น BASE ที่ร่วมมือกับ lululemon เพื่อจัดทำโปรแกรมออกกำลังกายระยะเวลา 45 วัน โดยจะมีโค้ชผู้เชี่ยวชาญจาก BASE คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์จาก lululemon ผู้ชนะจะได้รับชุดออกกำลังกายจากร้าน lululemon
“เรารู้สึกตื่นเต้น และประทับใจอย่างยิ่งจากกระแสตอบรับของการเปิดตัวโฉมใหม่ของ BASE อัมรินทร์ รวมถึงการจับมือกับคู่ค้าแบรนด์ดังมากมายเช่น lululemon และ HYROX” แจ็ค โธมัส ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BASE
Brand Inside มองว่า ธุรกิจฟิตเนสย่อมจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 2025 เนื่องจากการใส่ใจสุขภาพมากขึ้นของคนไทย และการรักษาสุขภาพนั้นอาจส่งผลไปถึงธุรกิจอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้ากีฬา, อาหารเสริม และอุปกรณ์ออกกำลังกาย ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะมีธุรกิจไหนบ้างที่คว้าโอกาสการเติบโตนี้เอาไว้ได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา