กูลิโกะ ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ตลาดนมทางเลือกมูลค่า 1,800 ล้านบาท ในประเทศไทย เหตุทำธุรกิจนี้มา 1 ปีเศษ ผ่านการขายนมอัลมอนด์ภายใต้แบรนด์ อัลมอนด์ โคกะ จนติด 5 อันดับแรกของตลาดนี้ได้ ย้ำสินค้าคุณภาพสมราคา พร้อมรุกตลาด B2B ผ่านการจำหน่ายให้ร้านอาหาร และคาเฟ่
กูลิโกะ พร้อมขึ้นเบอร์ 1 ตลาดนมทางเลือก
เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด เล่าให้ฟังว่า หลังจากทำเปิดตัวกลุ่มสินค้านมทางเลือกกับสินค้านมอัลมอนด์เมื่อเดือน มี.ค. 2023 ภายใต้แบรนด์ อัลมอนด์ โคกะ ปัจจุบันบริษัทสามารถมีส่วนแบ่งในตลาดนี้เป็น 5 อันดับแรกของตลาดที่มีผู้เล่นราว 20 รายแล้ว
“ในปี 2024 มีการคาดการณ์ว่า ตลาดนมทางเลือกในไทยจะมีมูลค่าราว 1,800 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้เติบโตถึง 40% จากปี 2023” เฉลิมพงษ์ กล่าว แต่ไม่สามารถแจ้งได้ว่า ไทยกูลิโกะมีส่วนแบ่งในตลาดนี้เท่าไร โดยสินค้านมทางเลือกจะไม่นับรวมนมวัว และนมถั่วเหลือง นับเพียงนมจากถั่วอื่น ๆ และนมธัญพืช เช่น นมโอ๊ต เป็นต้น
จากการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดนมทางเลือก ทำให้ไทยกูลิโกะตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 1 ของตลาดนมทางเลือกเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยบริษัทไม่สามารถแจ้งระยะเวลา และจำนวนส่วนแบ่งการตลาดได้ ซึ่งการเป็นอันดับ 1 ของตลาดนั้นจะเป็นเหมือนกับที่บริษัทสามารถเป็นอันดับ 1 ของตลาดนมอัลมอนด์ที่ญี่ปุ่น
เปิดตัวรสชาติใหม่เสริมทัพสินค้า
ล่าสุดไทยกูลิโกะเปิดตัว มิกซ์ 3 นัท เป็นรสชาติที่ 4 ของอัลมอนด์ โคกะ จากช่วงแรกที่มี 3 รสชาติคือ สูตรดั้งเดิม สูตรไม่เติมน้ำตาล และช็อกโกแลต โดยสินค้าทั้งหมดนี้จะจำหน่ายเป็น 2 ขนาดคือ กล่องขนาดเล็ก 180 มล. และ กล่องขนาดใหญ่ 1 ลิตร ขายในศูนย์การค้า, ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าขนาดเล็ก (โชห่วย)
“สาเหตุที่ต้องมีทั้งกล่องใหญ่ และกล่องเล็ก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในการดื่มนมทางเลือกค่อนข้างหลากหลาย เช่น ซื้อกล่องเล็กเพื่อดื่มเป็นครั้งคราว หรือซื้อกล่องใหญ่เพื่อใช้ผสมกับเครื่องดื่ม นอกจากนี้การมีขนาดกล่องเล็กยังช่วยให้ผู้บริโภคที่ไม่กล้าดื่มนมอัลมอนด์สามารถทดลองซื้อไปดื่มได้เช่นกัน”
ด้านราคา หากอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ glicothai.com จะพบว่า กล่องขนาดเล็กจะเริ่มต้นที่แพ็ก 3 กล่อง ราคา 74 บาท หรือกล่องละ 24 บาท ส่วนกล่องใหญ่จะราคา 129 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับนมวัว หรือนมถั่วเหลือง แต่หากเทียบกับกลุ่มนมทางเลือกจะมีราคาที่ใกล้เคียงกับคู่แข่ง
ไม่หวั่นราคาสูง เพราะผู้ซื้อยินดีจ่าย
“อัลมอนด์เรานำเข้าทั้งหมด จึงมีภาระเรื่องการนำเข้าสินค้าเช่นกัน และเราไม่เอาเปรียบผู้บริโภคในเรื่องราคา แต่ด้วยต้นทุนวัตถุดิบจะเอาราคาลงมาก็ลำบาก ยิ่งเป็นนมทางเลือก ก็คือสินค้าตลาดนิชมากกว่า จึงเรียกว่าสมราคาแล้วกัน และน่าจะต่ำไปด้วยซ้ำเมื่อพูดถึงคุณภาพของสินค้าด้วย” เฉลิมพงษ์ กล่าว
แม้ ไทยกูลิโกะ จะถือเป็นบริษัทญี่ปุ่นกลุ่มแรก ๆ ที่มาตั้งโรงงานผลิตสินค้าในไทย (ก่อตั้งเมื่อปี 1970) และผลิตสินค้า Pretz และ Pocky รวมถึงขนมอื่น ๆ ออกมา แต่การผลิตสินค้านมอัลมอนด์ บริษัทได้ว่าจ้าง บมจ. มาลี กรุ๊ป เป็นผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าในไทย และประเทศอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง
เฉลิมพงษ์ อธิบายถึงภาพรวมตลาดสินค้านมในปี 2024 ว่า ในไทยสามารถแบ่งได้เป็นนมวัว 35,000 ล้านบาท เติบโต 7% จากปี 2024 ตามด้วยนมถั่วเหลือง 18,000 ล้านบาท เติบโต 6% จากปี 2024 และ 1,800 ล้านบาท เป็นนมทางเลือก หรือ Plant-based Milk ที่มีผู้เล่นราว 20 ราย
ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยรายได้ 3 ทาง
สำหรับ ไทยกูลิโกะ ปัจจุบันมีรายได้จาก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจ Confectionary หรือขนมต่าง ๆ เช่น Pretz, Pocky และช็อกโกแลตหลากรูปแบบ รองลงมาเป็นไอศกรีมที่มีสินค้าหลัก เช่น Palitte และ Giant Cone กับ Health & Wellness ผ่านสินค้า อัลมอนด์ โคกะ ซึ่งสินค้ากลุ่มหลังนี้มีการทำตลาด B2B กับร้านอาหาร และคาเฟ่
ขณะเดียวกัน ไทยยังเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัย และพัฒนา 1 ใน 3 แห่งของกูลิโกะ ช่วยสร้างความได้เปรียบในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์คนไทย และประเทศโดยรอบ โดยรายได้ของบริษัทในไทยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นการส่งออกสินค้า โดยการส่งออกนั้นไม่ใช่แค่อาเซียน แต่หมายถึงออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา
Brand Inside พบว่า เมื่ออ้างอิงข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด มีรายได้รวมในปี 2023 ที่ 3,497 ล้านบาท ลดลง 28% จากปี 2022 ขาดทุนสุทธิ 112 ล้านบาท โดยตัวบริษัททำธุรกิจภายใต้แนวคิด Healthier days, Wellbeing for life
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา