หลังจากที่มีข่าวนมผงแบรนด์จีน ทำเด็กทารกเสียชีวิต ภาพลักษณ์แบรนด์นมผงจีนก็ตกต่ำ ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในสินค้าในวงกว้าง ทำให้แบรนด์นมผงจีนต้องหาทางออกทางธุรกิจใหม่ เพื่อความอยู่รอด
กรณีศึกษา ความไม่ไว้วางใจต่อแบรนด์
นับตั้งแต่ปี 2008 ที่ในจีนมีการตรวจพบสารเมลามีนในนมผงสำหรับเด็ก ส่งผลให้มีเด็กได้รับผลกระทบประมาณ 300,000 คน และมีทารกเสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ส่งผลให้บริษัทนมผงกว่า 22 รายในจีนล้มละลาย ตลาดนมผงในจีนนับแต่นั้นมาจึงเป็นตลาดที่บริษัทนมผงต่างประเทศยึดครองมาโดยตลอด
แต่จนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 10 ปี Dingmian Wang อดีตประธานของ Guangdong Dairy Association ที่ดูแลการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีนมผลอยู่ในนั้น เปิดเผยว่า “ขณะนี้การตรวจสอบคุณภาพของจีนดีขึ้นมาก” แต่ทั้งนี้แบรนด์นมผงจีนก็ยังไม่สามารถกลับมาทำตลาดในประเทศของตัวเองได้
รายงานจาก Euromonitor International ระบุเลยว่า ความไม่ไว้วางใจของผู้บริโภคชาวจีนต่อแบรนด์นมผงจีนนั้นเป็นผลดีต่อบริษัทต่างชาติ เพราะมูลค่าของบริษัทนมผงต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่านับตั้งแต่ปี 2011 – 2016 แบรนด์ที่ว่าได้แก่ Nestle SA, Danone, Mead Johnson Nutrition Co. , Royal FrieslandCampina NV, American Dairy Inc. และ Abbott Laboratories บริษัทต่างชาติเหล่านี้ครอบครองตลาดเกิน 50% แล้ว ในขณะที่บริษัทจีนอย่าง Inner Mongolia Yili ครองส่วนแบ่งตลาดเพียง 5.4% เท่านั้น
Sophia Li แม่ชาวจีนที่มีลูกวัย 2 เดือน เธอบอกเลยว่า “ฉันไม่เชื่อมั่นในแบรนด์จีน” ส่วนการซื้อนมผงสำหรับลูก เธอให้ญาติพี่น้องจากออสเตรเลียซื้อแบรนด์ที่ผลิตจากที่นั่นส่งมาให้เธอในจีน เธอบอกว่าวิธีการนี้มั่นใจได้มากกว่า
จับมือพาร์ทเนอร์ ลงทุนในต่างประเทศ
เมื่อความไว้วางใจเสียไปแล้ว จะสู้กอบกู้ให้กลับมาเหมือนเดิมใหม่คงยาก ทางออกของบริษัทจีนจึงเป็นการหันไปจับมือกับบริษัทนมต่างประเทศ อย่างเช่น China Animal Husbandry Group ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมปศุสัตว์จีนได้เข้าถือหุ้นใหญ่ใน Mataura Valley Milk ในประเทศนิวซีแลนด์เมื่อปีที่แล้วและลงทุนสร้างโรงงานผลิตแป้ง หรือบริษัทจีน Beingmate Baby & Child Food ที่เข้าซื้อหุ้น 51% ในบริษัทออสเตรเลียอย่าง Fonterra Co-operative Group ในปีที่แล้วเช่นเดียวกัน
สรุป
ความเชื่อมั่นในธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อแบรนด์นมผงจีนทำพลาดไปแล้ว ผ่านไปเป็น 10 ปี แม้คุณภาพจะดีขึ้น แต่ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจแก้กันยาก แถมตอนนี้ตลาดนมผงในจีนเองก็ถูกครอบครองไว้ด้วยแบรนด์ต่างชาตินับเป็นครึ่งหนึ่งของตลาดแล้ว การจะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดตอนนี้คงทำได้ยาก บริษัทจีนจึงต้องดิ้นรนออกไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา