มาแรงตลอด! เวียดนามเดินหน้าเปิดคลาวด์ เปิดดาตา เซ็นเตอร์ให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาลงทุนแบบ 100%
จัดให้ แบบ 100%
Nikkei รายงาน เวียดนามตัดสินใจให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถเป็นเจ้าของดาต้า เซ็นเตอร์ได้แล้ว หลังจากที่มีประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับกฎของการจัดเก็บข้อมูลที่ต่อต้านบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ จนทำให้ดีมานด์ในตลาดไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้
โดยกฎหมายโทรคมนาคมมีผลบังคับใช้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ระบุว่า ไม่ได้มีการจำกัดการเป็นเจ้าของข้อมูลและผู้ให้บริการคลาวด์จากต่างประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมอื่นๆ มักจะมีกฎหมายที่รัฐกำหนดเพดานในการถือครองสิทธิ์ของต่างชาติไว้ที่อัตรา 49% เวียดนามเรียกสิ่งนี้ว่า VDB Loi หรือ ข้อยกเว้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นการอนุญาตหรือให้สิทธิ์แก่ผู้ให้บริการหรือ Providers ให้พวกเขาได้รับการยกเว้นจากข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาดตามปกติ
ข้อจำกัดที่ว่านั้นส่งผลโดยตรงต่อกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ (Cybersecurity Law) ที่จะบังคับให้บริษัทต่างๆด้านข้อมูลที่อยู่ในเวียดนาม ซึ่งมันก็เคยมีประวัติเรื่องการบล็อคโพสต์ของแพลตฟอร์มต่างๆ รวมทั้งการส่งต่อข้อมูลของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเหล่านั้นด้วย
แพลตฟอร์มที่ว่าก็มักจะเป็นบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google, Amazon ซึ่งทาง Leif Schneider แห่งบริษัทกฎหมาย Luther ได้ให้ความคิดเห็นว่า ข้อกำหนดสำหรับการจัดเก็บข้อมูลสามารถเพิ่มต้นทุนให้แก่บริษัทต่างๆ ได้
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นแต่ยังเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในแง่ของศูนย์เก็บข้อมูลภายในประเทศว่าจะได้มาตรฐานสากลและมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้เพียงใดด้วย ซึ่งการแก้กฎหมายดังกล่าวของเวียดนามก็ถือเป็นการปูทางให้มีการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างชาติมากขึ้น
Leif มองว่า กฎหมายโทรคมนาคมถือเป็นแกนสำคัญในการดึงดูดผู้เล่นจากต่างประเทศที่จะไหลเข้าประเทศได้ บริษัทต่างประเทศอย่าง AWS (Amazon Web Services) ก็เตรียมจะมาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมือนกัน
กฎหมายโทรคมนาคมระบุว่าผู้ให้บริการคลาวด์และข้อมูลไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหา ที่จัดเก็บในนามของลูกค้า จะต้องบล็อคเนื้อหาตามคำร้องของหน่วยงานรัฐ โดยบริษัทไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลของผู้ใช้บริการของพวกเขาได้ เว้นแต่จะมีการร้องขอ Tran Bao Trung ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย จากสมาคมกฎหมาย KPMG ระบุว่า เราอาจจะคิดว่าแพลตฟอร์มเท่านั้นที่จะลบเนื้อหาออกได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเวียดนาม ในเวียดนาม ดาต้า เซ็นเตอร์ต้องทำสิ่งนี้ได้ด้วย
Top 10 ตลาดดาต้า เซ็นเตอร์ในระดับโลกอยู่ที่ไหนบ้าง
ข้อมูลจาก Visual Capitalist ระบุว่า ตลาดศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในโลกมีมากกว่า 8,000 แห่ง ซึ่งพื้นที่ดักล่าวก็ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่ตอบโจทย์บริษัทต่างๆ เช่น จะต้องใช้พลังงานอย่างน้อย 100 เมกะวัตต์ถึงจะเพียงพอต่อการทำดาต้า เซ็นเตอร์ 1 ศูนย์
ประเทศที่มีดาต้าเซ็นเตอร์มาก 10 อันดับแรกของโลก ดังนี้
1. นอร์ทเทิร์น เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา 2,552 เมกะวัตต์
2. ปักกิ่ง จีน 1,799 เมกะวัตต์
3. ลอนดอน สหราชอาณาจักร 1,053 เมกะวัตต์
4. สิงคโปร์ 876 เมกะวัตต์
5. โตเกียว ญี่ปุ่น 865 เมกะวัตต์
6. แฟรงก์เฟิร์ท เยอรมนี 864 เมกะวัตต์
7. เซี่ยงไฮ้ จีน 725 เมกะวัตต์
8. ซิดนีย์ ออสเตรเลีย 667 เมกะวัตต์
9. แดลลัส สหรัฐอเมริกา 654 เมกะวัตต์
10. ซิลิคอนวัลเลย์ สหรัฐอเมริกา 615 เมกะวัตต์
นอร์ทเทิร์น เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีดาต้า เซ็นเตอร์ เกือบ 300 แห่ง เฉพาะศูนย์ข้อมูลรวมทั้งหมดของที่นี่ถูกประเมินว่ารองรับปริมาณทราฟฟิกออนไลน์มากกว่า 1 ใน 3 ของทั้งโลก
อันดับสองคือปักกิ่ง จีน ที่ใช้พลังงานราว 1,799 เมกะวัตต์ จีนเป็นตลาดเดียวในเอเชียแปซิฟิกที่สามารถดำเนินการได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ญี่ปุ่น โตเกียว อยู่ที่ 865 เมกะวัตต์
ส่วนดาต้า เซ็นเตอร์ ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอยู่ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร 1,053 เมกะวัตต์ ตามด้วยแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ที่ 864 เมกะวัตต์
- Google เตรียมลงทุนตั้งดาต้า เซ็นเตอร์ในมาเลเซียกว่า 7 หมื่นล้านบาท แห่งแรกของภูมิภาคนี้
- Alibaba เตรียมสร้างดาต้า เซ็นเตอร์ ที่เวียดนาม มั่นใจ เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมาก
ที่มา – Nikkei, Visual Capitalist
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา