เรียกได้ว่าเป็นนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สุดโต่งเอามากๆ หลังประเทศเคนย่าเข้าร่วมการแบนการใช้งานถุงพลาสติกกับอีก 10 ประเทศในทวีปแอฟริกา แต่ในเรื่องโทษสุดมหาโหดก็มีหลายคนออกมาติงว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนี้
ปรับ 1.2 ล้านบาท-จำคุก 4 ปี
กลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายไปแล้วสำหรับการใช้งาน, ผลิต หรือนำเข้าถุงพลาสติกในประเทศเคนย่า หลังรัฐบาลผ่านกฎดังกล่าวจนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกโทษปรับสูงสุดที่ 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านบาท) หรือจำคุกไม่เกิน 4 ปี
โดยในฝั่งนักท่องเที่ยวที่นำถุงพลาสติกมาด้วย จะต้องทิ้งไว้ที่สนามบินก่อนผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมื่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำออกไปกำจัดภายหลัง ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลเคนย่าออกกฎดังกล่าวออกมา ก็เพราะต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม และมองเห็นถุงพลาสติกเป็นตัวการหลังในการทำลายทั้งดิน, น้ำ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามการบังคับใช้นโยบายนี้คงลำบากไม่ใช่น้อย เนื่องจากในประเทศเคนย่าเองมีการใช้งานถุงพลาสติกถึงเดือนละ 24 ล้านชิ้น เพราะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ง่ายต่อการใช้งาน ยิ่งประเทศเคนย่าขับเคลื่อนด้วยสังคมค้าขายเล็กๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการซื้ออาหาร, ถ่าน หรืออื่นๆ ก็จะใส่ไว้ในถุงพลาสติกเพื่อความสะดวกสบายในการพกพาด้วย
ด้านนักวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่างมองนโยบายนี้ไปในทิศทางที่ดี แต่สวนทางกับประชาชนตาดำๆ ที่มองว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เพราะทางรัฐยังไม่ออกนโยบายสนับสนุนให้ใช้บรรจุภัณฑ์อื่นแทนถุงพลาสติก และเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็เคยออกนโยบายแบบนี้ ซึ่งสุดท้ายก็ปฏิบัติไม่ได้ นอกจากนี้ในประเทศรวันดาที่เริ่มแบนถุงพลาสติกก็ไม่เป็นผล หลังประชาชนลักลอบนำเข้าถุงจากคองโกที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านมาใช้งาน
สรุป
จริงๆ แล้วการห้ามใช้ถุงพลาสติก พร้อมกับลงโทษมหาศาลกับผู้ฝ่าฝืนอาจดูไม่สมเหตุสมผลในยุคนี้เท่าไรนัก โดยส่วนตัวมองว่าการสร้างโรงงานเพื่อรีไซเคิล หรือไม่ก็รณรงค์ในการใช้ซ้ำน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องกว่า และถ้านำเรื่องนี้มาบังคับใช้ในไทย ก็คิดว่าคงเกิดการฝ่าฝืนแน่นอน
อ้างอิง // Quartz
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา