Nestle พัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแนวทาง Balanced Diet แค่อร่อยไม่พอ ต้องมีคุณค่าโภชนาการ และมีความสุข

การจะกินอาหารให้ดีทั้งเพื่อสุขภาพและเพื่อความสุข เรียกว่ามีความสมดุลทั้งความอร่อย ได้โภชนาการและยังได้ความสุขจากการกินด้วย เป็นเรื่องทุกคนอยากทำแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย

Nestle (เนสท์เล่) ได้เผยผลการศึกษาจากเนสท์เล่และคันทาร์ในปี 2022 พบว่า 91% ของคนไทย ต้องการกินอาหารที่ดี แต่มีเพียง 42% เท่านั้น ที่สามารถทำได้ โดย 3 อุปสรรคหลัก คือ ราคาอาหารเพื่อสุขภาพสูงเกินไป, ติดกินขนม และ ไม่มีเวลาเพียงพอในการเตรียม นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคอื่นๆ เช่น นิสัยการกิน, การเข้าถึง, รสชาติที่ไม่อร่อย และการเข้าสังคม

nestle

เนสท์เล่ ประเทศไทย เห็นถึงอุปสรรคเหล่านี้ จึงพัฒนา 2 กลยุทธ์หลัก คือ Good for You และ Good for the Planet เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่อร่อย มีคุณค่าโภชนาการ และสร้างการกินอยู่อย่างสมดุลให้กับผู้บริโภค โดยมาพร้อมกับแคมเปญ “คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่” Every Little Bite Matters เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเลือกรับประทานอย่างเหมาะสม มีความสุขทั้งกายและใจ

nestle

พัฒนากลยุทธ์หลัก แบ่งพอร์ต และ สื่อสาร เพื่อ Balanced Diet

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า บอกว่า เนสท์เล่ ต้องการสนับสนุนผู้บริโภคสู่แนวคิดการกินอยู่อย่างสมดุล หรือ Balanced Diet จึงได้พัฒนากลยุทธ์เป็น 2 ส่วน คือ การจัดแบ่งพอร์ตผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่เหมาะสม และ การสื่อสารและบริการไปยังผู้บริโภคเพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง โดยส่วนของการจัดพอร์ตผลิตภัณฑ์ แบ่งได้ 3 ส่วน ประกอบด้วย

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคทุกวัน (Everyday Goodness) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเนสท์เล่ ประเทศไทย เช่น เนสกาแฟ ไมโล นมตราหมี เนสวีต้า น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ น้ำแร่ธรรมชาติมิเนเร่ และแม็กกี้
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม (Tailored Nutrition) คือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจ เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็ก เช่น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ เอส 26 ตราหมี คาร์เนชั่น และแนน
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ของว่าง (Mindful Indulgence) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถรับประทานได้อย่างพอประมาณ เพื่อสร้างสมดุลที่ดีทางจิตใจ อาทิ ไอศกรีมเนสท์เล่  คิทแคท เนสท์เล่ คอฟฟีเมต รวมถึงเครื่องดื่มเนสท์เล่ที่จำหน่ายในช่องทางการบริโภคนอกบ้าน

nestle

จัด 2 กลยุทธ์เสริมการแบ่งพอร์ตผลิตภัณฑ์เพื่อเติบโตยั่งยืน

ส่วนของการแบ่งพอร์ตผลิตภัณฑ์ยังมีอีก 2 กลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่

กลยุทธ์แรก: ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Grow a Healthier Portfolio) ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคทุกวัน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม ผ่านการมอบทางเลือกที่ดีขึ้นเพื่อสุขภาพ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติที่อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมทั้งลดน้ำตาลและโซเดียมในผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน เนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 100 รายการที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) นับเป็นจํานวนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองสูงสุดในบรรดาบริษัทอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดในไทย นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เสริมแร่ธาตุและวิตามิน ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์นม รวมถึงผลิตภัณฑ์บางชนิดสำหรับผู้ใหญ่ ส่งต่อผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงได้ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของผู้บริโภคทั่วประเทศ

กลยุทธ์ที่ 2: ส่งเสริมการรับประทานอย่างสมดุล (Guide with Balanced Choice) สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของว่าง ด้วยการปรับสูตรอาหารให้ผู้บริโภคได้รับประทานอย่างพอเหมาะ เช่น ไอศกรีมสำหรับเด็กทุกชนิดที่ให้พลังงานเพียง 110 กิโลแคลอรีหรือน้อยกว่า ขนมแบบมัลติเสิร์ฟสำหรับการบริโภคแบบหลายคนหรือบริโภคหลายครั้ง จะมีการระบุปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมสำหรับแต่ละมื้ออย่างชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ 

แคมเปญใหญ่ประจำปี Every Little Bite Matters

และเพื่อเป็นการสนับสนุนแนวคิดและกลยุทธ์ทั้งหมด เนสท์เล่ ได้เปิดตัวแคมเปญ Every Little Bite Matters คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้เลือกรับประทานให้สมดุล ทั้งอาหารที่ดีต่อร่างกายและอาหารที่ดีต่อใจในปริมาณเหมาะสม

แคมเปญนี้ประกอบด้วยการสื่อสารครบวงจรที่มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับประทานอาหารอย่างสมดุล จุดประกายให้คนไทยลองเปลี่ยนคำเล็ก ๆ ในมื้ออาหาร สร้างสมดุลในทุกวัน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ผ่านวิธีง่าย ๆ เช่น การจับคู่เพิ่มประโยชน์ให้อาหาร การควบคุมปริมาณให้เหมาะกับความต้องการของร่างกาย และการจัดมื้ออาหารให้สมดุล รวมทั้งเดินสายให้ความรู้คนไทยผ่านโครงการภารกิจพิชิตสุขภาพดี และกิจกรรมเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง ตั้งเป้าเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 120,000 คนใน 200 ชุมชนทั่วประเทศตลอดปี 2024

ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา Good for the Planet

สำหรับส่วนของกลยุทธ์ Good for the Planet ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก คือ

  • บรรจุภัณฑ์ต้องมีความยั่งยืน โดย 96% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ประเทศไทย ได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้
  • ดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ปัจจุบันโรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ที่อยุธยาสามารถชดเชยน้ำกลับคืนสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ 100%
  • มีแหล่งวัตถุดิบที่ยั่งยืน จัดหาเมล็ดกาแฟและน้ำนมดิบอย่างยั่งยืน 100% รวมถึงให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟและเลี้ยงโคนม
  • ลดการปล่อยคาร์บอน ตามแผนปี 2025 ลดให้ได้ 20% ผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียน รถพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ตามแนวทางของแผนใหญ่ Net Zero 2050 

แผนทั้งหมดยังดำเนินการภายใต้หลักการ ESG ทำเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ในทุกมิติ โดยทำเพื่อสิ่งแวดล้อมตามกลยุทธ์ Good for the Planet ทำเพื่อสังคมตามกลยุทธ์ Good for You และยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดย 40% ของผลิตภัณฑ์ในไทย มีราคาต่ำกว่า 10 บาท นอกจากนั้นก็มีราคา 15-20 บาท เป็นทางเลือกด้วย

ในขณะที่ต้นทุนสินค้าและราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น เป็นสิ่งท้าทายภาคธุรกิจไทย เนสท์เล่ มีการปรับตัว ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถจัดการต้นทุน รักษาระดับราคาของผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ ให้ไม่ต้องเพิ่มราคาสินค้า

พร้อมกันนี้ เนสท์เล่ยังจัดสรรงบลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท ในการขยายสายการผลิต เริ่มตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมาจนถึงปี 2026 แบ่งเป็นการขยายสายการผลิตที่โรงงานยูเอชที เพื่อเสริมแกร่งให้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยูเอชทีทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ เช่น ไมโล ตราหมี S-26 และคาร์เนชั่น พร้อมขยายสายการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารแมวเกรดซูเปอร์พรีเมียมชนิดเปียกและชนิดแห้งที่โรงงานเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ ทั้งสองแห่ง โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการผลิตอาหารเพื่อสัตว์เลี้ยงให้มีรสชาติและรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี

เนสท์เล่เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุม 188 ประเทศทั่วโลก พนักงานเนสท์เล่กว่า 270,000 คน เนสท์เล่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงครอบคลุมในทุกช่วงวัย มากกว่า 2,000 แบรนด์ ทั้งที่เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก เช่น เนสกาแฟ เนสเปรสโซ ไมโล แม็กกี้ ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นอย่าง ตราหมี หรือมิเนเร่ ปัจจุบัน เนสท์เล่ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเวเวย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา