เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.50% ต่อปี ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงกว่าคาด ตามอุปสงค์ของโลกและเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นได้ช้ารวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กระทบการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวมากกว่าที่เคยประเมินไว้
ธปท. ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 ลดลงสู่ระดับ 2.5-3.0% โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียง 1% ลดลงกว่าที่เคยประเมินไว้
ที่มา Krungthai COMPASS
ทั้งนี้ Krungthai COMPASS มอง กนง. ส่งสัญญาณถึงท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ประเมินว่าจะยังไม่ปรับทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินในระยะอันใกล้ ในการประชุมครั้งล่าสุด กนง. มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มอ่อนแอลง สะท้อนจากการจากปรับตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 ลงจากเดิมที่ 3.2% (ณ เดือน พ.ย. 66) ลงสู่ช่วง 2.5-3.0% (ค่ากลาง 2.8) จากแรงกดดันของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและจีนซึ่งฟื้นช้ากว่าคาด รวมทั้ง “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ซึ่งเป็นอุปสรรคที่จำกัดการเติบโตและเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนระยะข้างหน้า ในด้านอัตราเงินเฟ้อ กนง.ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 โดยมองว่ามีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำที่ 1.0% จากเดิมที่ 2.0% (ณ เดือน พ.ย. 66) พร้อมทั้งระบุว่าเงินเฟ้อที่ต่ำในปัจจุบันยังไม่สะท้อนภาวะเงินฝืดเนื่องจากราคาไม่ได้ปรับลดเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ กนง. ยังส่งสัญญาณปรับท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น สะท้อนจากผลการลงมติที่มีกรรมการจำนวน 2 ใน 5 ท่าน เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า กนง. จะยังไม่เร่งปรับทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินและจำเป็นต้องรอความชัดเจนของข้อมูลต่างๆในระยะต่อไปเนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางขยายตัว ขณะที่มีความเสี่ยงซึ่งอาจกดดันให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นได้ในอนาคต อีกทั้งยังต้องติดตามการปรับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักในต่างประเทศ นอกจากนี้ กนง. ยังสื่อสารว่าการลดดอกเบี้ยไม่สามารถแก้ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ได้ Krungthai COMPASS คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อไป ส่วนการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นมีความเป็นไปได้มากขึ้นและจำเป็นต้องติดตามท่าที กนง. และพัฒนาการทางเศรษฐกิจต่อไปอย่างใกล้ชิด
ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า หลังการประกาศของ กนง. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อยู่ที่ราว 35.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพรวมในปีนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4.0% โดยเงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดในกลุ่ม ขณะที่ กนง. ย้ำว่าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์แนวโน้มนโยบายของเฟด
ทั้งนี้ สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในครั้งต่อไปในวันที่ 10 เม.ย. 2567 พบว่าในกรณีฐานของกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.50% ในอีกหลายไตรมาสข้างหน้า แต่จากท่าทีในวันนี้เราไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงกลางปีนี้เช่นกัน หากเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัวรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้
ที่มา ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา