ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ปี 2566 ผลประกอบการในภาพรวมถือว่าทำตามเป้าหมาย โดยเน้นกลยุทธ์การเติบโตสินเชื่อใหม่อย่างรอบคอบ และรับรู้ประโยชน์จากการรวมกิจการ รวมถึงบริหารจัดการสถานะทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 นี้ธนาคารมีกำไรสุทธิที่ 18,462 ล้านบาท เติบโต 30.1% จากปีก่อนหน้า
ด้าน สินเชื่อให้แก่ลูกหนี้ (ไม่รวมค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น) ณ สิ้นปี ธ.ค. ปี 2566 อยู่ที่ 1.33 ล้านล้านบาท ลดลงตัวลง 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 3.5% จากสิ้นปี 2565 เนื่องจากธนาคารฯ เน้นการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบและแผนการปรับโครงสร้างสินเชื่อ โดยมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น ทำให้สินเชื่อรายย่อยยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 2.1% จากปีที่แล้ว นำโดยสินเชื่อกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต ด้านสินเชื่อลูกค้าธุรกิจลดลง 11.6% จากปีก่อน เป็นผลจากการชำระหนี้คืนของลูกค้า
ทั้งนี้ ในปี 2566 ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ยังต้องการรับความช่วยเหลือต่อเนื่องมาจากช่วงโควิด-19 คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อประมาณ 11% ของพอร์ตสินเชื่อรวม และสำหรับโครงการรวบหนี้ได้เปิดกว้างสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ธนาคารสามารถช่วยลูกค้ารวบหนี้ไปแล้วกว่า 1.7 หมื่นราย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดดอกเบี้ยไปได้ราว 1,200 ล้านบาท
ขณะเดียวกันธนาคารประเมินว่าเศรษฐกิจในช่วงถัดไปยังคงมีปัจจัยกดดันรอบด้าน จึงดำเนินการตั้งสำรองฯ พิเศษในไตรมาส 4 เป็นจำนวน 4,900 ล้านบาท เพื่อยกระดับอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ NPL Coverage Ratio ให้ขึ้นมาอยู่ที่ 155% เมื่อเทียบกับ 138% ในปี 2565 และ 120% ก่อนรวมกิจการ
ผลประกอบการของธนาคารฯ ปี 2566 มีจุดสำคัญดังนี้
- กำไรสุทธิอยู่ที่ 18,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 57,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ: NIM อยู่ที่ 3.24% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2.95%) - รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อยู่ที่ 13,754 ล้านบาท ลดลง 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 31,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 41,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.62% ลดลงจาก ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่อยู่ระดับ 2.67%
ทั้งนี้ ธนาคารฯ มีเงินฝากอยู่ที่ 1.397 ล้านล้านบาท ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 4.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามแผนการเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับแผนธุรกิจและการแข่งขันด้านเงินฝากที่อาจเกิดขึ้น ในปี 2567 ส่งผลให้อัตราส่วนสภาพคล่อง LCR เพิ่มขึ้นจาก 175% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 199% โดยประมาณ เทียบกับเกณฑ์ขั้นต่ำของธปท. ที่ 100%
ด้านฐานเงินกองทุน พบว่า อัตราส่วน CAR และ Tier 1 ณ สิ้นปี 2566 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.7% และ 17.0% ซึ่งสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศ
ที่มา ธนาคารทหารไทยธนชาต, SET
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา