ปีนี้คือปีแห่งการ Transformation อย่างแท้จริง องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งประกาศชัดเจนถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือโครงสร้างใหม่ เพื่อให้สอดรับกับยุคดิจิทัล ดังนั้น Startup ที่สามารถจับมือไปกับองค์กรธุรกิจได้ โอกาสเติบโตจะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ซึ่งเราเริ่มเห็นใน สถาบันการเงิน, อสังหาริมทรัพย์
ล่าสุดแม้แต่ กลุ่มมิตรผล ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมเกษตร เกี่ยวข้องกับอ้อยและน้ำตาลโดยตรง ก็เดินหน้าสนับสนุน Startup แล้ว โดยมุ่งเน้นที่สาย Bio-Based ซึ่งตรงกับการต่อยอดธุรกิจของกลุ่มมิตรผล
เดินหน้าค้นหาไอเดียใหม่ ต่อยอดธุรกิจ
ประวิทย์ ประกฤตศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มมิตรผล บอกว่า ธุรกิจของกลุ่มมิตรผล 80% เป็นเรื่องของอ้อยและน้ำตาล ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตอันดับ 4 ของโลก แต่มีโอกาสและแนวโน้มที่จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอนาคต แต่จะเน้นเรื่องอ้อยและน้ำตาลเพียงอย่างเดียว ไม่น่าจะตอบโจทย์ธุรกิจ
เรื่อง Bio-Based จึงเป็นแนวทางที่ดีทั้งสนับสนุนอ้อยและน้ำตาล และยังขยายธุรกิจพลังงาน คือ ชีวพลังงาน
ดังนั้น กลุ่มมิตรผลจึงต้องการเพิ่มผลผลิตด้วยเกษตรกรรมสมัยใหม่ เพิ่มมูลค่าให้ของเหลือทิ้ง ต่อยอดอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เช่น ชานอ้อยผลิตเชื้อเพลิงไฟฟ้าชีวมวล, กากน้ำตาลผลิตเอทานอลเป็นส่วนน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ และ Bio-Based ที่นำส่วนเหลือจากการผลิตอ้อยไปเป็นพลาสติกชีวภาพ อาหาเสริม และชีวเภสัชภัณฑ์
แต่ที่ผ่านมาการใช้ทีมงานวิจัย หรือทีมสร้างสรรค์ภายในของกลุ่มมิตรผล อาจติดอยู่ในกรอบแนวคิดเดิม ไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างได้ งานนี้จึงเป็นการไลล่า ค้นหาไอเดียใหม่ๆ จากภายนอกเป็นครั้งแรก
5 Startup สาย Bio-Based รู้ตัวว่าใช่ เข้ามาคุยได้เลย
สำหรับ Startup สาย Bio-Based ที่กลุ่มมิตรผลให้ความสนใจเป็นพิเศษ มี 5 ประเภท ประกอบด้วย Bio-Based Chemicals, Bio-Based Material, Bio-Fertilizer, Food for the Future และ Feed for the Future
ทั้ง 5 ประเภทนี้ ถ้า Startup รายไหนที่มีไอเดีย มีเทคโนโลยี มีสินค้าหรือบริการ มีโมเดลธุรกิจ สามารถเข้ามาคุยกับ กลุ่มมิตรผลได้ทันทีเพราะมีตลาดรองรับแล้วขายได้แน่นอน ไม่จำกัดว่าต้องอยู่ในประเทศไทย โดยรวมถึง Startup ในต่างประเทศ ซึ่งมีหลายแหล่งที่น่าสนใจ เช่น ไต้หวัน, กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และ สหรัฐอเมริกา
ที่ผ่านมา กลุ่มมิตรผล มีการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี แต่มีเฉพาะภายในองค์กร และจำกัดอยู่ที่อ้อยและน้ำตาลเป็นหลัก แต่ Bio-Based สามารถต่อยอดไปพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ของไทยได้ด้วย ทั้ง ข้าว, ปาล์ม และ ยางพารา นี่คือโอกาสทางธุรกิจที่มหาศาลมาก
ไม่ตั้งกองทุน เน้นความร่วมมือเพื่อต่อยอดธุรกิจ
สำหรับแนวทางการลงทุนของ กลุ่มมิตรผล ชัดเจนว่าไม่มีการตั้งกองทุน และยืนยันว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่กลุ่มมิตรผลต้องการพัฒนาศักยภาพแลประสิทธิภาพด้าน Bio-Based ให้ดียิ่งขึ้น โดยเตรียมการสนับสนุนไว้ 4 ด้าน
- Research ถ้า Startup มีไอเดีย หรือมีการทดลองมาในระดับหนึ่ง สามารถมาร่วมกันวิจัยผ่าน ศูนย์นวัตกรรมและการวิจัย เพื่อต่อยอดไปถึงการทำธุรกิจ
- Investment สำหรับ Startup ที่มีสินค้าหรือบริการเรียบร้อยแล้ว และต้องการการลงทุนเพื่อ Scale up กลุ่มมิตรผลก็พร้อมสนับสนุน
- Partnership กรณีที่ Startup ต้องการพันธมิตรเพื่อให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกัน กลุ่มมิตรผล มีประสบการณ์พร้อมให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ และพาไปพบลูกค้าจริง
- Operation Enhancement การร่วมกันบริหารจัดการเพื่อให้ Startup สามารถเรียนรู้ ต่อยอดด้วยองค์ความรู้ด้านการเกษตรและพลังงานและมีกลุ่มเป้าหมายทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค
สำหรับ Startup ที่สนใจสามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูธของกลุ่มมิตรผล ในงาน Techsauce Global Summit 2017 วันที่ 28-29 ก.ค. นี้ที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
สรุป
แนวทางของ Startup ไทยที่จะอยู่รอดและเติบโต หรือโอกาสที่จะก้าวขึ้นระดับ Unicorn การร่วมมือกับองค์กรใหญ่ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะมีโอกาสทั้ง ความรู้ คำแนะนำ เงินทุน การทดลองทำตลาด และการขยายตลาดอย่างรวดเร็ว สุดท้ายอาจ exit ได้ด้วย และครั้งนี้ กลุ่มมิตรผล เข้ามามองหาสาย Bio-Based ดังนั้น Startup ที่มีไอเดียด้านนี้อยู่ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา