การผ่อนชำระสินเชื่อบ้านนั้นถือเป็นอีกหนึ่งภาระหนี้ก้อนใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และเป็นหนี้ระยะยาวที่อาจจะต้องใช้เวลานานเป็นหลาย ๆ ปีกว่าจะผ่อนหนี้ตรงนี้ให้หมดไป
ซึ่งสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่กำลังผ่อนบ้าน หรือคอนโด อยู่ตอนนี้ เชื่อว่าปัญหาของคนที่กำลังผ่อนบ้านเกือบทุกคนคือ ดอกเบี้ยบ้านสูง อยากผ่อนบ้านให้หมดไว ๆ แต่มีวิธีไหนบ้างที่ช่วยปลดหนี้บ้านให้หมดได้เร็วขึ้น? ซึ่งในบทความนี้เราจะมาบอกถึงเคล็ดลับการ “ปรับโครงสร้างหนี้” รวมถึงวิธีบริหารจัดการเงินเพื่อให้เราสามารถโปะบ้านให้หมดไวขึ้น จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลย!
เทคนิคผ่อนบ้านที่ 1: ชำระเกินยอด หรือโปะบ้านด้วยเงินต้น
เมื่อผ่อนบ้านมาสักระยะหนึ่ง จะจับจุดสังเกตุได้ว่าเงินที่ของเราที่จ่ายต่อเดือน ส่วนใหญ่มักจะเสียไปกับดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น เนื่องจากค่างวดในแต่ละเดือนที่ต้องผ่อนชำระกับธนาคาร เป็นเงินต้นรวมกับดอกเบี้ย
หากเรา “ชำระเกินยอดทุกเดือน” หรือจ่ายค่าผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นในทุกเดือน ก็จะสามารถช่วยลดปัญหาของดอกเบี้ยลงมาได้ และย่นระยะเวลาช่วยให้เราผ่อนบ้านได้หมดไวขึ้นกว่าเดิม
ตัวอย่างเช่น ธนาคารกำหนดค่างวดผ่อนชำระ 10,000 บาท/เดือน เราก็อาจจะจ่ายเพิ่ม 10-50% และถ้าหากเราโปะเพิ่มในทุกเดือน โดยที่เป็นจำนวน 50% ต่อเดือน จาก 10,000 บาท ผ่อนเพิ่มเป็นจำนวน 20,000 บาท ตรงส่วนนี้ก็จะทำให้เราลดเวลาการผ่อนชำระไปได้ถึงครึ่งเลย
เทคนิคผ่อนบ้านที่ 2: รีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่น เพื่อลดดอกเบี้ย
รีไฟแนนซ์ คือ การย้ายหนี้บ้านจากธนาคารเดิม ไปขอผ่อนกับธนาคารที่ใหม่ เพื่อขอให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านถูกลงกว่า โดยส่วนใหญ่แล้ววิธีนี้มักจะเหมาะกับผู้ที่กู้สินเชื่อบ้าน และผ่อนบ้านให้กับธนาคารจนครบ 3 ปี หรือตามสัญญาที่ธนาคารกำหนดแล้ว แต่เมื่อผ่านระยะเวลา 3 ปีแรกไป จากดอกเบี้ยคงที่ก็จะถูกปรับเป็น MRR หรือดอกเบี้ยลอยตัวที่ถูกปรับเพิ่มสูงขึ้น เพราะเหตุนี้การขอรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินใหม่ ก็เปรียบได้กับการเปลี่ยนเจ้าหนี้ใหม่นั่นเอง
รีเทนชั่น คือ การขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม หรือเจ้าหนี้ปัจจุบัน ที่เราได้ยื่นกู้สินเชื่อบ้านจนครบ 3 ปี หรือตามสัญญาที่ธนาคารกำหนดแล้ว ซึ่งนั้นหมายความว่าไม่ต้องเปลี่ยนเจ้าหนี้ใหม่ เพียงแค่ทำเรื่องขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือลดอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น
เทคนิคผ่อนบ้านที่ 3: จ่ายหนี้ตรงเวลา
การจ่ายหนี้ให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ เป็นการทำให้เราไม่เสียดอกเบี้ยเพิ่ม และเป็นการสร้างเครดิตของเราไว้ให้อยู่ในเกณฑ์ลูกหนี้ชั้นดี ในส่วนนี้หากเมื่อใดที่เราอยากรีไฟแนนซ์บ้าน หรือรีเทนชั่นกับธนาคาร ถ้าเขาเห็นว่าเราชำระหนี้ตรงต่อเวลามาโดยตลอด ทางธนาคารจะถือว่าเราเป็นลูกหนี้ชั้นดี และมีอำนาจในการต่อรองกับสถาบันการเงินได้มากขึ้น
เทคนิคผ่อนบ้านที่ 4: ทำบันทึกรายรับ รายจ่าย เพื่อลดค่าใช้จ่าย
การทำบันทึกรายรับ รายจ่าย นอกจากจะทำให้เรารับรู้พฤติกรรมการใช้จ่ายในแต่ละเดือน ยังสามารถทำให้เราตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเงินในส่วนนี้ยังสามารถนำมาเก็บออมเพื่อโปะหนี้บ้านได้อีกด้วย เพื่อให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น เราจะพามาดูตัวอย่างการจดบันทึกค่าใช้จ่ายรายเดือนกัน พร้อมไปดูกันเลย!
จากตัวอย่างในตาราง เราจะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้วในแต่ละเดือนเรามีค่าใช้จ่ายคงที่ เป็นจำนวนเงินที่แน่นอนในทุก ๆ เดือนอะไรบ้าง ต่อไปเราไปดูวิธีการทำยังไงเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้มีเงินเหลือออมกับ ทฤษฎี “ลาเต้แฟคเตอร์ (Latte Factor)” เป็นทริคการลดค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นที่เราจ่ายไปแต่ละวัน ซึ่งจำนวนเงินส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราสามารถนำไปต่อยอดเป็นเงินลงทุนในอนาคตและนำมาช่วยโปะหนี้บ้านได้
ตัวอย่าง จากค่าใช้จ่ายค่ากาแฟ
- หากเราซื้อกาแฟจำนวนเงิน 100 บาท 2 แก้วต่อวัน ตลอดเวลาทั้งหมด 20 วัน เท่ากับว่าเสียค่ากาแฟไปทั้งหมด 4,000 บาทต่อเดือน
- ถ้าเราปรับลดค่ากาแฟ หรือเลือกซื้อร้านกาแฟที่ราคาถูกลงมาเป็น 60 บาท กินวันละ 1 แก้วต่อวัน ทั้งหมด 20 วัน จะเหลือค่าใช้จ่าย 1,200 บาท ทำให้เราเหลือเงินออมทั้งหมด 2,800 บาท จากการลดค่ากาแฟ ซึ่งจำนวนเงินส่วนนี้เองเราสามารถนำมาช่วยโปะค่างวดบ้านในแต่ละเดือนได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคดี ๆ ที่ได้ผลจริงในการช่วยโปะหนี้ให้ได้เร็วที่สุดที่เรานำมาฝากทุกคนกัน ลองนำวิธี และเทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ที่ได้เล่าไว้ตามบทความข้างต้นไปปรับใช้กับตัวเองดู ไม่ว่าจะเป็นการการโปะเงินต้นทุกเดือน การรีเทนชั่น หรือรีไฟแนนซ์บ้าน สิ่งเหล่านี้อาจจะช่วยทำให้หนี้บ้านของเราหมดไวขึ้นกว่ากำหนดไม่มากก็น้อย แล้วสุขภาพการเงินคุณจะดีขึ้น และใช้ชีวิตสบายใจไร้กังวลอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา