ROE คืออะไร ทำไมใครๆ ก็สนใจก่อนจะลงทุน

การจะเลือกลงทุนในหุ้นการจะวัดว่าบริษัทใดมีประสิทธิภาพที่สามารถสร้างกำไรระยะยาวได้อย่างไรบ้าง หลายคนเลือกที่จะดูค่า ROE เป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัด แล้ว ROE บอกอะไรเราได้บ้าง คำนวณอย่างไร ใช้งานอย่างไร

ROE คืออะไร

ROE หรือ Return of Equity เป็นอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น มักจะใช้เป็นตัวชี้วัดว่าหุ้นหรือบริษัทมีประสิทธิภาพหรือมีผลตอบแทนที่เหมาะสำหรับการลงทุนมากน้อยแค่ไหน

หากค่า ROE สูงหมายถึงว่าบริษัทนั้นสามารถทำกำไรและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้
แต่หาก ROE ต่ำ อาจะหมายถึงบริษัทนั้นสามารถทำกำไรและตอบแทนผู้ถือหุ้นไม่ได้ดีเท่าที่ควร หากเปรียบเทียบกับบริษัทที่มี ROE สูงกว่า

โดยปกติแล้วเรามักจะนำค่า ROE เปรียบเทียบย้อนหลังเพื่อดูแนวโน้มการเติบโตและคาดการณ์อนาคตว่าจะได้ผลตอบแทนดีหรือไม่แต่ในบางครั้งอาจจะนำมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งใน Industry เดียวกันหรือหากมีค่าเฉลี่ยของ ROE ของ Industry นั้นๆ ก็สามารถนำ ROE มาเปรียบเทียบกันได้

วิธีคำนวณ ROE 

ROE = (กำไรสุทธิ (Net Profit) / ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity)) * 100

ตัวอย่างการคำนวณ ROE 

บริษัทแห่งหนึ่งมีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ 25 ล้านบาท

บริษัทนี้จะมีค่า ROE = (10/25)*100 = 40% ซึ่งหมายความว่าบริษัทนำเงิน 100 บาทของผู้ถือหุ้นไปทำกำไรได้ 40 บาทนั่นเอง

หาก ROE > 0 หมายความว่าบริษัทนี้สามารถตอบแทนผู้ถือหุ้นได้อย่างดี
แต่หาก ROE < 0 หมายความว่าบริษัทอาจจะอยู่ในช่วงขาดทุนและไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้

ซึ่ง ROE ดังกล่าวนั้นไม่สามารถบอกได้ทันทีว่าบริษัทนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต หากแต่ต้องพิจารณาจาก ROE ในปีที่ผ่านมาและ ROE ของบริษัทอื่นๆ ใน Industry เดียวกันประกอบด้วย

ข้อควรระวังในการใช้ค่า ROE

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเราควรพิจารณาค่า ROE ของบริษัทจากปีที่ผ่านมาด้วยเพื่อพิจารณาประกอบ หากพบว่า ROE สูงอาจเป็นผลมาจากการที่บริษัทเคยประสบปัญหาและขาดทุนมาก่อน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการซื้อหุ้นคืนส่งผลให้บริษัทมี ROE ที่สูงคืน อย่างในตลาดต่างประเทศมีการซื้อหุ้นคืนเกิเขึ้น หรือในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมาก็มีหลายบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน ทำให้สัดส่วนของนักลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงและส่งผลให้ ROE สูงขึ้นนั่นเอง

การที่ ROE สูงอาจทำให้เกิดการแข่งขันภายใน Industry เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีการมองว่า Industry นี้น่าจะทำกำไรได้มาก ทำให้เกิดคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่หากบริษัทที่นั้นกำลังเปลี่ยน Business model ที่ช่วยให้พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรได้ในอนาคต ทำให้ ROE จากติดลบมีสิทธิขึ้นมาเป็นบวกได้

Source: longtunman.com , bualuang.co.thLiberator , SET Investnowkkpfg.com

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา