ล่าสุดกระทรวงการคลังเปิดเผย ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 (รอบเดือน ก.ค.) โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ 3.5% ถือว่าปรับลดลงเล็กน้อยจากการประมาณการครั้งก่อนหน้า (รอบเดือนเม.ย.) ที่อยู่ระดับ 3.6% นอกจากนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรับลดลงจากครั้งก่อน เช่น การลงทุนภาครัฐอยู่ที่ 2.2% ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 2.6%
พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2023 คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.5% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.0 – 4.0% ทั้งนี้ถือว่ายังขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2022 ที่ GDP ขยายตัวที่ 2.6% ต่อปี
โดยมองว่าแรงสนับสนุนยังมาจากภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งคาดว่าทั้งปี 2023 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 29.5 ล้านคน ขยายตัว 164.2% ต่อปี และมีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 1.25 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 243.8% จากปี 2022
ซึ่งทำให้การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 4.5% (ช่วงคาดการณ์ 4.0 ถึง 5.0%) ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้และแรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อที่คลี่คลายลง
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ 2.6% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.1 – 3.1%) จากความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มกลับมาดีขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวม
ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และกลุ่มสหภาพยุโรปยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญของไทย จึงคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะหดตัวที่ 0.8% (ช่วงคาดการณ์ที่ -1.3 ถึง -0.3%)
นอกจากนี้ การบริโภคภาครัฐคาดว่าหดตัวที่ 2.1% (ช่วงคาดการณ์ที่ -2.6 ถึง -1.6) ในขณะที่การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.2% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.7 ถึง 2.7%) โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2024 ที่ล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา
ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 1.7% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.2 ถึง 2.2%) เนื่องจากแรงกดดันจากราคาสินค้าในหมวดพลังงานได้คลี่คลายลง และมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของภาครัฐ
สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะกลับมาเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2023 มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.8% ของ GDP
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น
1. ความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศหลัก ๆ เช่น จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย
2. สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ส่งผลต่อทิศทางเงินเฟ้อในประเทศ
3. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจจีน
4. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและการค้าระหว่างประเทศ
ที่มา – กระทรวงการคลัง, กระทรวงการคลัง 2
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา