ในปี 2566 นี้อย่างที่ทุกคนทราบกันดีครับว่า เรากำลังอยู่ในช่วงที่ดอกเบี้ยนโยบายไทยได้มีการปรับตัวขึ้นมาจาก 0.5% (ในช่วงปลายปี 2565) ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ 2.0%(ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566) ปรับเพิ่มมาถึง +1.5%
แน่นอนว่าพอดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับตัวขึ้นสูงแบบนี้สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นตามมาก็คือ “ดอกเบี้ยเงินกู้” ของธนาคารพาณิชย์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น MRR (Minimum Retail Rate) , MLR (Minimum Loan Rate) และ MOR (Minimum Overdraft Rate) ซึ่งถ้าให้อธิบายง่ายๆคือ “ดอกเบี้ยเงินกู้” สินเชื่อต่างๆของธนาคารจะมีการปรับตัวสูงขึ้นนั่นเองครับ
มันจึงเป็นที่มาของหัวข้อที่เราจะมาคุยกันวันนี้แหละครับว่า สำหรับคนที่มีแพลนว่าจะซื้อบ้านในปี 2566 นี้ เราจะหาทางออกยังไงดี ท่ามกลางสถานการณ์ดอกเบี้ยบ้านแพงแบบนี้
ความเห็นของผมนะครับ ก่อนอื่นเลยผมอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนครับว่าการ กู้ซื้อบ้านสักหลัง เป็นเกมส์ระยะยาว ที่เราต้องผ่อนค่างวดบ้านหลัก 20-30 ปี ดังนั้นหัวใจสำคัญมากๆในการที่เราจะสามารถผ่อนบ้านได้ตลอดจนครบอายุสัญญาได้นั้นคงจะไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่เรานึกขึ้นเอง หรือความอยากได้ชั่วขณะ แต่สิ่งที่จะทำให้เราสามารถผ่อนบ้านได้ตลอดรอดฝั่งนั่นคือ “การวางแผนการเงินที่ดี” ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงดอกเบี้ยแพงแบบนี้ครับ
ถ้าใครไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงลองทำตาม Check Lists ตามนี้นะครับ
1.ตรวจสอบความจำเป็น
ขั้นตอนแรกที่ Basic ที่สุดที่ผมมักจะแนะนำให้กับทุกคนที่มาปรึกษาเรื่องการซื้อบ้านกับผมนั่นคืออยากให้ลองกลับไปเช็คเรื่อง “ความจำเป็น” ก่อนที่จะซื้อบ้านก่อนครับ ฟังแล้วอาจดูแปลกๆใช่ไหมคับ เพราะทุกคนที่ซื้อบ้านก็ล้วนมี ”ความจำเป็น” กันทั้งนั้นสิ ไม่งั้นเขาจะซื้อบ้านกันหรอ
ความจริงที่ผมอยากบอกก็คือมีหลายคนมากๆนะครับ ที่ตัดสินใจซื้อบ้านเพียงเพราะความรู้สึกชั่ววูบ อารมณ์ชั้วขณะ หรือ ไปฟังใครเขาพูดมาและสุดท้ายก็ต้องมารับภาระผ่อนหนี้ก้อนใหญ่ โดยแท้ที่จริงแล้วตัวเองก็ยังไม่ได้จำเป็นที่ต้องซื้อบ้านขณะนั้นก็ได้
2.ตรวจสอบความพร้อม
หลังจากดูเรื่องความจำเป็นแล้วสิ่งต่อมาที่สำคัญไม่ได้แพ้กันเลยนั่นคือเรื่อง ความพร้อมครับซึ่งแน่นอนว่าความพร้อมในที่นี้หมายถึง “ความพร้อมเรื่องการเงิน”อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะอย่างที่ผมบอกไปตอนต้นครับว่าบ้าน 1 หลังเราไม่ได้ผ่อนกัน 2-3 ปีแล้วจบแต่เราต้องอยู่กับเขาหลัก 10 ปี บวกๆ ดังนั้นการวางแผนจัดการเรื่องเงินให้ดีเป็นสิ่งที่ต้องทำมากๆครับ ดังนั้นถ้าใครอยากรู้ว่าวันนี้เรามีความพร้อมด้านการเงินไหมลองเช็คตามหัวข้อต่อไปนี้ครับ
- ความมั่นคงของรายได้เราเป็นอย่างไร : วันนี้งานที่เราทำอยู่มีความมั่นคงมากขนาดไหน ถ้าวันนี้งานที่เราทำดูไม่ค่อยมั่นคงเรามีแหล่งรายได้เสริมต่างๆในแต่ละเดือนหรือไม่
- ภาระหนี้สินเยอะหรือไม่ : เรื่องนี้สำคัญมากๆนะครับก่อนที่เราจะกู้ซื้อบ้านสักหลังอยากให้ทุกคนมา List รายการหนี้ของตัวเองออกมาให้ชัดๆก่อนครับว่าวันนี้เรามีภาระหนี้สินอะไรอยู่บ้าง เกณฑ์ง่ายๆก็คือถ้าวันนี้ภาระหนี้สินต่างๆที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนสูงเกินกว่า 40% ของรายได้ ถ้าเป็นแบบนี้ผมคิดว่าวันนี้เรายังไม่พร้อมที่จะซื้อบ้านครับ
- ลองผ่อนลมก่อนผ่อนจริง : การผ่อนลมคือการที่เราลองผ่อนหนี้บ้านก่อนที่เราจะไปซื้อมาจริงๆครับ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราจะซื้อบ้าน 2 ล้าน ต่องผ่อนประมานเดือนละ 14,000 บาทใช่ไหมครับ ดังนั้นก่อนจะซื้ออยากให้ทุกคนลอง เก็บเงินให้ได้เดือนละ 14,000 บาทดูสัก 3 เดือนนะครับ วิธีนี้จะทำให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนขึ้นมากๆครับว่า เราสามารถผ่อนบ้านหลังนี้ไหวหรือเปล่า
- วางแผนเรื่องความเสี่ยง : สุดท้ายก่อนจะซื้อบ้านสักหลัง สิ่งที่อยากให้ทุกคนทำคือ วางแผนเรื่องความเสี่ยงไว้บ้างครับ เพราะระหว่างที่เราผ่อนบ้านอาจจะมีเหตุไม่คาดฝันในชีวิตเกิดขึ้นทั้งเรื่อง รายได้เราอาจจะหายไป ลดลง ถูกย้ายงาน ถูกไล่ออก หรือแม้กระทั่งเราอาจจากไปก่อนวัยอันควรก็เป็นไปได้ ดังนั้นการวางแผนเรื่องความเสี่ยง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามมากๆครับ
ดังนั้นก่อนจะซื้อบ้านสัก 1 หลัง ยิ่งในช่วงที่เราอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ดอกเบี้ยบ้านแพงแบบนี้การเช็คเรื่องทั้ง “ความจำเป็น+ความพร้อม” เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆที่อยากให้ทุกคนกลับไปลองถามตัวเองกันนะครับ และผมต้องบอกว่านอกเหนือจาก 2 เรื่องนี้แล้ว ถ้าเป็นไปได้เราควรจะต้อง “วางแผนผ่อนบ้าน” ตั้งแต่ก่อนซื้อบ้านเลยครับ เพราะผมคิดว่าเราทุกคนไม่จำเป็นต้องผ่อนบ้านกันนนานถึง 30 ปีหรอกครับ มันนานเกินไปและเราต้องจ่ายดอกเบี้ยมากเกินไปด้วย
ในบทความต่อๆไปผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังอีกนะครับว่า การวางแผนผ่อนบ้าน เราควรต้องวางแผนอย่างไรถึงจะผ่อนบ้านและหนี้หมดไวและประหยัดดอกเบี้ยที่สุด แต่เบื้องต้นอยากให้ทุกคนลองทำตามที่ผมเล่ามาในบทความนี้ก่อนนะครับ ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนทำกัน การซื้อบ้านสัก 1 หลังถึงแม้จะเป็นช่วงดอกเบี้ยแพงแบบนี้เราก็สามารถซื้อบ้านได้แบบสบายใจ สบายเงินในกระเป๋าอย่างแน่นอน
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังมีแผนจะซื้อบ้านหลังแรกนะครับ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา