ช่วงราวๆ ปลายปี 2021 ผู้คนบนโลกใบนี้ได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับโลกอีกใบหนึ่งที่ชื่อว่า Metaverse จาก Mark Zuckerberg ชายผู้ให้กำเนิดยุคแรกของ Social Network จนกลายเป็นเสมือนโลกใบใหม่ของผู้คนทั่วโลก แล้ว Metaverse มันคืออะไรกันแน่ จะมาเป็นโลกอีกใบแทนที่ Social Network หรือไม่ หาคำตอบได้จากบทความนี้เลย
Metaverse คืออะไร ?
Metaverse อ่านว่า “เม-ต้า-เวิ้ส” ในภาษาไทยเขียนว่า เมตาเวิร์ส หรือเรียกว่า จักรวาลนฤมิต ตามราชบัณฑิตยสภาได้บัญญัติคำนี้เอาไว้ สิ่งนี้เกิดจาก 2 คำมารวมกันนั่นคือ Meta กับ Verse แปลได้ว่า จักรวาลที่อยู่เหนือจินตนาการ คำนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นจาก Mark Zuckerberg แต่ปรากฏครั้งแรกในนิยายเรื่อง Snow Crash โดย Neal Stephenson ในปี 1992 ซึ่งเป็นโลกเสมือนที่มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านตัวละครหรือสิ่งแทนตัวที่เปรียบเสมือน Avatar ของตัวเรา โดย Metaverse ถูกพูดถึงอย่างเป็นวงกว้างหลัง Mark Zuckerberg CEO ของบริษัท Meta (อดีต Facebook) ที่ได้แนะนำโลกใบใหม่นี้ให้กับผู้คนทั่วทั้งโลกได้รู้จัก
หากใครเคยรู้จักอนิเมะเรื่อง Sword Art Online ที่ออกฉายในปี 2012 ว่าด้วยเรื่องของปี 2022 ที่โลกใบนี้ได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีโลกเสมือนที่สามารถพาทุกคนไปค้นพบโลกใบใหม่ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า NerveGear ซึ่งสร้างโดย คายาบะ อากิฮิโกะ ผ่านเกม VRMMORPG ที่ชื่อว่า Sword Art Online ณ วันนั้นไม่มีใครคิดว่าอีก 10 ปีถัดมาจากอนิเมะจะกลายเป็นความจริงเพราะหลังจากที่ Mark Zuckerberg ได้แนะนำ Metaverse ให้กับผู้คนรู้จัก ภาพที่ทุกคนเห็นตรงกันเลยก็คืออนิเมะเรื่องนี้ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว การสวมใส่เครื่องมือ VR อย่าง Oculus และภาพที่ทุกคนเห็นผ่านการแนะนำของ Mark ทำให้ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และมองไปถึงอนาคตของเทคโนโลยีนี้ในมุมมองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การเรียนการสอน การท่องเที่ยว หรือแม้แต่การเล่นเกมก็ตาม
ลองคิดตามว่าคุณมีอุปกรณ์ VR อยู่ที่บ้านแล้วสามารถดำดิ่งสู่จักรวาลใหม่ที่สามารถช้อปปิ้ง นั่งเรียนในคลาส เที่ยวพีระมิดที่อียิปต์แล้วไปดูแสงเหนือที่ขั้วโลก ไปพิพิธภัณท์ตามประเทศต่างๆ ทำทุกอย่างที่กล่าวมานี้ทำได้ทันทีที่บ้าน แถมยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แค่เท่านี้ก็น่าสนใจมากๆ แล้ว
Metaverse เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอะไร
-
AR / VR
เริ่มต้นอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่จะสร้างสรรค์ให้ Metaverse เกิดขึ้นและสัมผัสได้จริงนั่นก็คือ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ที่คอยทำหน้าที่ประสานกันทั้งการนำภาพความเป็นจริงและภาพเสมือนจำลองขึ้นมาเป็นโลก Metaverse หากใครจำได้ ช่วงปี 2016 ผู้คนทั้งโลกได้รู้จักกับ Pokémon GO เกมที่ใช้เทคโนโลยี่ AR มาสร้างเป็นเกมมือถือผ่านการเล่นที่ใช้ Location เป็นหลักในการตามจับโปเกมมอนในสถานที่ต่างๆ ส่วน VR นั้นหลายคนน่าจะคุ้นอยู่แล้วกับแว่น VR ที่ใช้รับชม Content แบบ 360 องศาซึ่งมีให้เลือกใช้ค่อนข้างแพร่หลาย เมื่อสองเทคโนโลยีนี้นำมารวมกันเราจะได้ความรู้สึกของการจำลอง Content ต่างๆ เสมือนกับเราได้อยู่ในโลกนั้นจริงๆ เทียบง่ายๆ เช่นคุณสามารถเล่น Pokémon GO ผ่านแว่น VR ที่บ้านได้โดยที่อาจจะไม่ต้องเดินทางออกจากห้องเพื่อไปจับโปเกมอนตามสถานที่ต่างๆ แต่ให้เกมเป็นคนพาเราออกไปแทน แค่คิดก็น่าเล่นแล้ว
-
ระบบเศรษฐกิจที่รันผ่าน Blockchain และ Cryptocurrency
แน่นอนว่าการใช้ชีวิตนั้นเราต้องมีทุนทรัพย์หรือเงินเพื่อใช้จ่ายใน Metaverse ซึ่ง Blockchain และ Cryptocurrency หลายคนอาจจะพอรู้จักกันมาบ้างแล้ว แต่ในเมื่อ Metaverse จะมีสองสิ่งนี้เป็นตัวดำเนินเศรษฐกิจ ดังนั้นการใช้จ่ายต่างๆ จะถูกบันทึกใน Blockchain และมีการซื้อขายสิ่งของ ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ NFT ที่อยู่ใน Metaverse ผ่าน Cryptocurrency และคาดว่าจะยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อ Metaverse ใกล้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
-
Social Network และ Social Community ต่างๆ ที่จะเตรียมตัวผสานเข้าหากัน
เมื่อการมีตัวตนในโลก Metaverse นั้นจำเป็นต้องมี Avartar หรือตัวตนเสมือนแทนตัวเรา ดังนั้นแนวคิดที่จะนำ Social Network และ Social Community ต่างๆ เข้ามาเป็นเครื่องยืนยันตัวตนตามทฤษฎีแล้วสามารถเป็นไปได้และสามารถทำให้เกิดสังคมใหม่อีกสังคมหนึ่งขึ้นมาอีกได้ ทั้งนี้ยังเป็นแนวคิดที่ต้องรอการทดสอบและพัฒนาอีกมาก
-
Hardware และ Infrastructure
แน่นอนว่าการมาของ Metaverse สร้างแรงกระเพื่อมไปทุกวงการ ในวงการเทคโนโลยีก็เช่นกันเนื่องจากต้องมีปรับปรุงอุปกรณ์สำหรับใช้งานและ Infrastructure มากมายเพื่อให้รองรับการมาของ Metaverse ไม่ว่าจะเป็นระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, 6G, Hardware มือถือและคอมพิวเตอร์รวมทั้งเครื่องมือด้าน Network ที่จำเป็นต้องรองรับการทำงานที่หนักขึ้นหลายเท่าหากมีการเปิดใช้งาน Metaverse
Metaverse จะส่งผลกับเรายังไง
นอกจากการเปิดตัว Metaverse ให้ทั่วโลกได้รู้จักแล้ว Meta ยังได้มีวิดีสาธิตการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกับ Metaverse ซึ่งในวิดีโอนี้ทำให้เราได้ทราบว่ามีอะไรหลายอย่างที่เราไม่อาจทำได้อย่างเต็มที่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการ Simulation ทางการแพทย์ที่จะทำให้คุณหมอสามารถฝึกฝนและเข้าใจกายวิภาคได้ง่ายขึ้น การเรียนการสอนที่มีการใช้ Model 3D เข้ามาอธิบายซึ่งช่วยให้เรามองภาพตรงกันมากกว่าการเปิดหนังสือหรือ Presentation เหมือนอย่างปัจจุบัน การเข้าใจวัฒนธรรมและสังคมในอดีตผ่านการใช้เทคโนโลยี AR การวางแผนจัดการผังเมืองที่จะทำได้ง่ายและเห็นภาพมากยิ่งขึ้น (ซึ่งต้องมาจากข้อมูลปริมาณมหาศาลในการอ้างอิงและ Simulation มันออกมา) สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกนั้นได้รับความสะดวกสบายมายิ่งขึ้นในการใช้ชีวิตแน่นอน
ประโยชน์จากการมาของ Metaverse
แน่นอนว่าการมาของ Metaverse นั้นจะช่วยผลักดันหลายด้านยกตัวอย่างเช่น
-
วงการการศึกษา
อย่างที่ Meta ได้ยกตัวอย่างในวิดีโอข้างต้นว่าเทคโนโลยีการศึกษาและการเรียนรู้จะเปลี่ยนไปตลอดกาล เราสามารถใช้การ Simulation ที่สมจริงมากยิ่งขึ้นเป็นสื่อการเรียนการสอน สามารถเข้าเรียนจากที่บ้านได้ สามารถพาตัวเองเข้าอยู่ในยุคต่างๆ เพื่อเข้าใจวัฒนธรรมของคนแต่ละยุคสมัยได้มากขึ้น รวมทั้งยังสามารถประยุกต์เพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่กำลังจะมาเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย
-
วงการบันเทิง
แน่นอนว่าสื่อความบันเทิงนั้นอยู่กับเราทุกยุคทุกสมัย ในปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยี VR / AR มาใช้ในวงการสื่อและวงการบันเทิงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต การแสดงละคร รายการเพลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคของ Metaverse ได้อย่างดี
-
วงการแฟชั่นและความงาม
ในปี 2018 เจ้าตลาดวงการเครื่องสำอางอย่าง L’Oréal ได้มีการกรุยทางเพื่อเข้าสู่เทคโนโลยีความงามขั้นกว่าด้วยการซื้อกิจการ ModiFace และได้เปิดตัวเทคโนโลยีมากมายเพื่อโลกเสมือนที่เราสามารถทดลองเครื่องสำอาง สีผม และผลิตภัณท์ความงามได้เสมือนเราไปทดลองที่ Shop นับเป็นก้าวแรกสู่โลกเสมือนที่จะทำให้การช้อปปิ้งและแฟชั่นเปลี่ยนไปตลอดกาล
-
วงการเทคโนโลยีและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ก็จำเป็นที่จะต้องมีการรองรับด้วยระบบที่ชาญฉลาดและความเร็วเหนือจินตนาการ แน่นอนว่าวงการอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AR VR จะถูกอัพเกรดให้ทันกับเทคโนโลยีใน Metaverse รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้ผู้คนเข้าถึง Metaverse ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย
แม้วันนี้ Metaverse จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่ได้เปิดตัว แถมยังต้องเจอกับ มรสุมมากมายที่ Mark Zuckerberg สูญเงิน 8 หมื่นล้าน เพราะลงทุน Metaverse ที่อาจไม่เป็นดั่งใจหวัง ก็ต้องรอติดตามว่าโลกใบใหม่นี้จะเชื่อมผู้คนบนโลกและสร้างโลกใหม่ได้เหมือนกับที่เขาเคยทำมาแล้วในวันที่ Facebook เกิดขึ้นมา
Source : bitkub.com, NECTEC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา