ย้อนดู ‘Fine Dining’ ร้านแรก ทำไมเราถึงเริ่มกินหรูอยู่แพง?  

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง ‘Hunger คนหิวเกมกระหาย’ เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่มุมของภาพยนตร์ และแง่มุมของคนครัว ที่ออกมาถกเถียงกันถึงเรื่องรายละเอียดที่อาจจะยังไม่ตรงกับความเป็นจริงในอาชีพนัก นอกจากประเด็นนั้นแล้ว เรื่องของชนชั้น ยังถูกพูดถึงไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่ออาหารไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยสี่ แหล่งพลังงานที่เติมให้เราอิ่มท้อง แต่ยังกลายมาเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคมด้วย

หากจะยกตัวอย่างให้ชัดเจนที่สุด คงหนีไม่พ้น ‘Fine Dining’ ร้านอาหารที่มอบประสบการณ์แสนพิเศษ คนบางกลุ่มสามารถเลือกร้านดีๆ สักร้าน รับประทานได้ทุกสัปดาห์ ในขณะที่คนอีกกลุ่มได้แต่ดูรีวิวบนอินเทอร์เน็ต ระหว่างกินข้าวหน้าจอ พร้อมนึกสงสัยในรสชาติที่พิธีกรบรรยายออกมา ว่ามันจะเป็นเหมือนอย่างที่คิดไว้แค่ไหน 

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อาหารกลายมาเป็นทั้งความอิ่มท้องและสะท้อนถึงชนชั้น อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จัก ร้านอาหาร Fine Dining ร้านแรกในประวัติศาสตร์ ที่มาของความหรูหราบนโต๊ะอาหาร ที่เย้ายวนชวนให้ดื่มด่ำอาหารชั้นเลิศ บริการชั้นเยี่ยมแต่ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Fine Dining คืออะไร 

จริงๆ แล้วแค่ชื่อเรียก Fine Dining ก็สามารถทำให้เราเห็นภาพได้บ้างว่ามันคือร้านอาหารประเภทไหน แต่ถ้าจะอธิบายให้ลงลึกเข้าไป ร้านอาหารประเภทนี้ มักจะมอบประสบการณ์พิเศษ ที่ไม่สามารถหาได้ในร้านอาหารทั่วไป ทั้งวัตถุดิบชั้นเลิศ ผ่านการปรุงจากเชฟมือฉมัง รวมถึงการตกแต่งร้านที่คงคุณภาพไม่แพ้อาหารที่เสิร์ฟ การบริการโต๊ะต่อโต๊ะ ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นลูกค้าคนพิเศษที่กำลังจะได้รับประทานอาหารแสนพิเศษ 

แล้วความพิเศษทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันเริ่มมาจากไหนกัน?

หลายร้อยปีก่อน ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง มักจะไม่ได้มีห้องครัวที่ทำอาหารแบบจริงจังได้ ก็เลยต้องอาศัยการซื้ออาหารจากร้านทั่วๆ ไป แต่เมื่อปี 1765 อ้างอิงจาก ‘Larousse Gastronomique’ สารานุกรมเกี่ยวกับอาหารฝรั่งเศส ร้านอาหารของ Boulanger ในปารีสได้เปิดตัวขึ้น จึงเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนไปมาก ร้านอาหารของเขา มีเมนูให้ลูกค้าได้เลือกตามใจชอบ พร้อมกับบริการนั่งกินในร้าน จนมีคำกล่าวที่ว่า “Boulanger sells restoratives fit for the gods.”

และใน Larousse Gastronomique เล่มเดิม ยังกล่าวถึงอีกร้านอาหาร ที่เชื่อว่าเป็นขั้นกว่าของร้านอาหารทั่วๆ ไป ในปี 1782 ร้านอาหาร Fine Dining แห่งแรก เปิดตัวที่ ปารีส ฝรั่งเศส ในชื่อ ‘La Grande Taverne de Lourdes’ ภายใต้การบริหารของ ‘Antoine Beauvilliers’ โดยมีข้อกำหนดว่า ร้านของเขานั้นจะต้อง มีพนักงานที่เฉลียวฉลาด ตกแต่งร้านอย่างหรูหรา ไวน์ชั้นเลิศให้เลือก และการปรุงอาหารที่แสนพิเศษ แต่ไม่ใช่ว่าใครก็จะเดินเข้าร้านได้ เพราะร้านนี้ตั้งใจเปิดให้บริการเฉพาะชนชั้นสูงและผู้มีฐานะเท่านั้น ด้วยความที่เข้าถึงยาก ร้านอาหารประเภทนี้จึงยังไม่แพร่หลายมากนัก 

แต่เมื่อการปฏิวัติฝรั่งเศสมาถึง อาชีพเชฟก็ตกงานกันเป็นแถบ ผู้คนไม่มีเวลามานั่งละเมียดละไมในการรับประทานอาหารนอกบ้านอีกต่อไป เชฟที่เคยเสิร์ฟอาหารให้แต่ชนชั้นสูงเท่านั้น หรือทำอาหารแบบคอร์สส่วนตัว ก็ต้องดิ้นรนหาช่องทางทำกินให้ตัวเองอยู่รอดต่อไป ด้วยการเปิดร้านอาหาร Fine Dining ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงคุณภาพเอาไว้เช่นเดิม ในช่วงก่อนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส จากเดิมที่ปารีสมีร้านอาหารไม่ถึง 50 ร้าน ในปี 1814 ร้านอาหารเพิ่มกว่า 3,000 ร้าน 

จากความอิ่มท้อง สู่ความอภิรมย์ในการลิ้มชิมรส คอนเส็ปต์ของร้าน Fine Dining แพร่กระจายไปยังยุโรปและถูกพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 นักธุรกิจด้านโรงแรมชาวสวิส ‘César Ritz’ และ เชฟชาวฝรั่งเศส ‘Auguste Escoffier’ ได้ไอเดียการรวมเอาร้าน Fine Dining และโรงแรมสุดหรูเอาไว้ด้วยกันที่ ‘Grand Hotel of Monte Carlo’ ยิ่งเพิ่มความหรูหราของร้าน Fine Dining ยิ่งขึ้นไปอีก ไอเดียนี้ยิ่งเป็นที่นิยมและกระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริการ เรียกได้ว่ามีโรมแรมหรูที่ไหนก็ต้องมีร้าน Fine Dining ที่นั่น จนกระทั่งกลายมาเป็น Business Model ของร้าน Fine Dining อย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ 

อย่างไรก็ตาม Rebecca Spang ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ยุโรป จาก Indiana University Bloomington ได้เขียนหนังสือในชื่อ ‘The Invention of the Restaurant: Paris and Modern Gastronomic Culture’ และดูเหมือนว่า Boulangerจะไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มร้านอาหารเป็นคนแรกในปารีส แต่อาจจะเป็น Mathurin Roze de Chantoiseau มากกว่า แต่เธอเองก็ไม่ได้หมายความว่า Boulanger จะไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ 

ดูเหมือนว่า การรับประทานอาหารเพื่อความอภิรมย์อย่าง Fine Dining เอง ก็เกิดขึ้นมาจากการตอบสนองความต้องการของเหล่าชนชั้นสูง ผู้มีฐานะในสังคม ความอิ่มท้อง จึงไม่ใช่จุดประสงค์หลักของ Fine Dining แต่การมอบประสบการณ์แสนพิเศษต่างหาก ที่จะได้รับจากโต๊ะอาหารนี้ 

 

อ้างอิง

https://www.nationalgeographic.com/culture/article/who-invented-the-first-modern-restaurant 

https://hotelseymour.com/2021/07/the-history-of-fine-dining/

https://chefin.com.au/blog/the-past-and-future-of-fine-dining/

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา