สิ้นแล้ว เจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 96 ปี
เจียง เจ๋อหมิน (Jiang Zemin) ขึ้นเป็นประธานาธิบดีจีนคนที่ 5 ตั้งแต่ปี 1993 ถึง 2003 ดำรงตำแหน่งยาวนาน 9 ปี 353 วัน เจียง เจ๋อหมินจากไปด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและอวัยวะภายในล้มเหลว
ขึ้นสู่อำนาจหลังเหตุการณ์นองเลือดเทียนอันเหมิน บิดาแห่งการเปลี่ยนจีนให้กลายเป็นโรงงานโลก
เจียง เจ๋อหมิน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงเวลาที่จีนเผชิญความท้าทายสูง ทั้งเหตุการณ์นองเลือดเทียนอันเหมินในปี 1989 จนทำให้โลกโดดเดี่ยวจีน ทั้งการพยายามสานต่อนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจในยุคเติ้ง เสี่ยวผิงที่ถูกต่อต้านในช่วงแรกๆ ไปจนถึงปัจจัยภายนอกที่มีทั้งวิกฤตด้านการเมือง ความมั่นคง การล่มสลายของสหภาพโซเวียต และในด้านเศรษฐกิจคือวิกฤตการณ์ทางการเงิน 1997-1998
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ทำให้โลกหันหลังให้จีน ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ก็ไม่ราบรื่นนัก จีนเริ่มปรับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาภายใต้ยุคเจียง เจ๋อหมิน เขาเป็นผู้นำจีนคนแรกที่ได้เยือนสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1997 ถือเป็นครั้งแรกของการเยือนจากผู้นำระดับสูงของจีนในรอบ 12 ปี ส่งผลให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
เจียง เจ๋อหมินกล่าวไว้ก่อนที่จะเยือนสหรัฐอเมริกาว่า เขาต้องการเยือนสหรัฐฯ ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นมิตร เขาต้องการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชาวจีนและสหรัฐอเมริกาเพื่อจะช่วยให้สหรัฐฯ และจีนร่วมมือกันได้มากขึ้น การเยือนครั้งนั้นทำให้เขาได้พบปะกับผู้นำสหรัฐฯ บิล คลินตัน
ในด้านเศรษฐกิจ เขาพาจีนผ่านพ้นวิกฤตทางการเงินมาได้และยังทำให้จีนหันเข้าหาโลกด้วยการเข้าร่วมองค์การการค้าโลก (WTO) เปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ พลิกชีวิตชาวจีนให้กลายเป็นแรงงานโลก เนื่องจากได้รับสิทธิพิเศษทั้งด้านการค้า ด้านภาษี จนนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพและในที่สุดจีนกลายเป็นแหล่งซัพพลายเชนของโลก
จีนกลายเป็นฐานการผลิตหลักของโลกและกำลังจะล่มสลายในยุคหลังโควิดระบาด หลายประเทศได้รับบทเรียนมหาศาลจากการผูกติดกับจีนมากไป ไม่กระจายความเสี่ยงไปยังประเทศอื่นๆ มากพอจนทำให้ซัพพลายเชนเกิดภาวะชะงักงันเมื่อจีนใช้นโยบาย Zero Covid เข้มข้น
เจียงชูนโยบายหลักคือ Three Represents (นโยบายสามตัวแทน) นโยบายนี้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญจีนช่วงปี 2002 ด้วย เป็นนโยบายที่ทำให้นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการชาวจีน ตลอดจนพนักงานระดับสูงของบริษัทข้ามชาติเข้ามาร่วมวงอยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้
สิ่งนี้ช่วยขยายฐานทางการเมืองจีนได้กว้างขวางมากขึ้น แต่ในยุคสี จิ้นผิง นักธุรกิจทั้งหลายที่ร่วมวงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่างระส่ำระสายกันถ้วนหน้า โดนผู้นำจีนทุบไม่หยุดด้วยข้ออ้างที่ว่าบริษัทเทคจีนยักษ์ใหญ่กำลังจะขยายอำนาจกินรวบประเทศมากเกินไป ด้วยเหตุผลนี้ส่งผลให้ต้องถูกชะลอการเติบโตไว้
โลกหลังยุคเจียง เจ๋อหมิน ยุคที่อยู่ภายใต้การปกครองที่ไม่มีวาระสิ้นสุดของสี จิ้นผิง กำลังถูกท้าทายทุกรูปแบบ การพบปะกันระหว่างสี จิ้นผิงและโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา อาจทำให้ความสัมพันธ์ด้านการเมือง ความมั่นคงที่กำลังร้อนแรงนั้นผ่อนคลายลงบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าความขัดแย้งทางเศรษฐกิจจะยุติลง รอดูบทบาทใหม่ต่อจากนี้ของจีนเมื่อโควิดคลี่คลาย การเมืองภายในลงตัว จีนจะไม่ใช่แหล่งซัพพลายเชนหลักของโลกอีก แต่จะพลิกตัวเองให้เปลี่ยนไปจากเดิมแค่ไหน ต้องติดตาม
- สงครามการค้าและโควิดกำลังทำโรงงานโลกล่มสลาย กระทบแรงงานข้ามชาติกว่า 290 ล้านคน
- Top 10 มหาเศรษฐีโลกรวยลดลงปี 2022: 9 ใน 10 คือนักธุรกิจจีน ถูกผู้นำทุบเพราะผูกขาด
ที่มา – Financial Times, Social Change and Political Reform in China: Meeting the Challenge of Success, Jiang Zemin: On the “Three Represents”, Jiang Zemin, Leader Who Guided China Into Global Market, Dies at 96, Reuters, China’s former president Jiang Zemin, who ruled after Tiananmen, dies at 96, FMPRC.GOV.CN, มังกรผงาด: 70 ปีการเมืองสาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ. 1949-2019)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา