i-Tail บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง Top 10 ของโลก* กับแนวคิด Humanization และการเตรียม IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

คำกล่าวที่ว่าอาหารสัตว์เลี้ยงเดี๋ยวนี้บางทีก็น่ารับประทานยิ่งกว่าอาหารคน ไม่ใช่คำที่เกินจริง เหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะเราให้ความรัก ใส่ใจและดูแลสัตว์เลี้ยงของเรามากขึ้นกว่าในอดีต ทั้งจากความน่ารักน่าเอ็นดู และองค์ความรู้ที่เพิ่มขึ้นว่า อะไรคืออาหารที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงทั้งรูปลักษณ์และคุณค่าทางโภชนาการอย่างแท้จริง

i-tail

ประกอบกับแนวคิดการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบ Humanization ที่มองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว หลายคนจึงเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมี่ยม ที่นอกจากจะใช้วัตถุดิบคุณภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว รูปลักษณ์ยังใกล้เคียงอาหารคน และมีรสชาติที่ถูกใจสัตว์เลี้ยงด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อตอบแทนความรัก ความผูกพัน ที่นับวันเจ้าสี่ขาจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในครอบครัว ยิ่งโดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาที่คนอยู่บ้านมากขึ้น รวมทั้งไลฟ์สไตล์การครองตัวเป็นโสดหรือแต่งงานแบบไม่มีลูก 

i-tail
ภาพผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงดังกล่าวใช้เพื่อการประกอบบทความเท่านั้น มิใช่ผลิตภัณฑ์ของ i-Tail

แนวโน้มและแนวคิดดังกล่าว ตรงกับแนวทางการทำธุรกิจของ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เรียกสั้นๆ ว่า i-Tail ที่เห็นว่ายิ่งแนวคิด Humanization ได้รับการยอมรับและแพร่หลายมากขึ้นไปทั่วโลก ก็เป็นโอกาสในการทำธุรกิจที่เน้น Pet-Centric ที่มองความต้องการของสัตว์เลี้ยงเป็นหัวใจสำคัญในทุกกระบวนการมากขึ้นด้วยเช่นกัน

และยิ่งคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้นด้วย ทั้งทาสแมว ทาสสุนัข การให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงก็ต้องใส่ใจดูแลมากขึ้น

i-tail
Wet pet food in gravy, jelly, fillet and drink formats

อาหารสัตว์เลี้ยงมีรายละเอียดมากกว่าที่คิด

สำหรับ i-Tail การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมีรายละเอียดมากกว่าที่ใครหลายคนคิด ในอดีตนานมาแล้ว เราอาจให้อาหารคนที่เรากินและพบว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะกับความต้องการที่แท้จริงของสัตว์เลี้ยง นำไปสู่การเปลี่ยนมาให้อาหารที่พัฒนาและผลิตขึ้นเพื่อสัตว์เลี้ยงโดยตรง ซึ่งมีความพิถีพิถันในการเลือกมากขึ้นเรื่อยๆ

i-Tail ให้ความสำคัญตั้งแต่การใช้ส่วนผสมที่สดใหม่และมาจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดได้เปรียบ เพราะวัตถุดิบหลักคือ ปลาทูน่า จากไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทูน่าแปรรูปรายใหญ่ของโลก และยังเป็นบริษัทแม่ของ i-Tail จึงมั่นใจได้ว่ามีวัตถุดิบคุณภาพที่เพียงพอในราคาที่แข่งขันได้

i-tail
Salmon velvet cake and potato cream

ประกอบกับ i-Tail ยังมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อได้อาหารสัตว์เลี้ยงที่ตอบโจทย์สัตว์เลี้ยงทั้งแมวและสุนัขหลากหลายช่วงอายุซึ่งก็มีความชื่นชอบและโภชนาการอาหารที่จำเป็นแตกต่างกัน จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์รวมแล้วกว่า 4,600 รายการ** 

จนถึงปัจจุบันที่กระแสความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงอาหารคน ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีส่วนผสมหลายชั้น (Multi-Layer Product) ตามแนวคิด Humanization ได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงขนมสัตว์เลี้ยงต่างๆ โดยอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ต้องมีคุณสมบัติช่วยด้านสุขภาพมากขึ้น เช่น ช่วยดูแลสุขภาพฟัน บำรุงขน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 

และสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ i-Tail จะทยอยออกสู่ตลาดในปี 2565 และ 2566 จะยิ่งมีความก้าวล้ำในนวัตกรรมการพัฒนาและผลิตมากยิ่งขึ้นภายใต้แนวคิด “อาหารเป็นยา” เช่น เอนไซม์และคอลลาเจนที่ช่วยเสริมสร้างระบบทางเดินอาหาร ซุปกระดูกช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มูสโปรตีนสองสีช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และเจลาติน ที่ช่วยบำรุงผิวและเสริมสร้างข้อและกระดูก ฯลฯ

i-tail

i-Tail ผู้รับผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง Top 10 ของโลก*

จากองค์ความรู้ที่กล่าวมา i-Tail ได้พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นผู้รับผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (OEM) แบบครบวงจร เป็นอันดับ 2 ในเอเชีย และติด Top 10 ของโลกในเชิงมูลค่า* และจากข้อมูลของ Frost & Sullivan บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก ระบุว่า i-Tail เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก อันดับ 4 ของโลก ซึ่งมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน แต่มีผู้ผลิตน้อยรายที่สามารถผลิตได้เนื่องจากต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีชั้นสูงและความเชี่ยวชาญในการควบคุมองค์ประกอบในการผลิต โดยผลิตภัณฑ์หลักของ i-Tail คือ อาหารแมว ตามมาด้วยอาหารสุนัข

หากดูข้อมูลในเชิงลึกจะพบว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ i-Tail ให้น้ำหนักเป็นหลักทั้งอาหารแมวและอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คาดการณ์โดย Frost & Sullivan ว่าในช่วงปี 2564-2569 จะเติบโตสูงกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียกเป็นประเภทผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตเร็วที่สุด คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 10.7% เทียบกับอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 5.3% และหากเปรียบเทียบในผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงด้วยกัน อาหารแมว คาดว่ามีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 8.2% ขณะที่อาหารสุนัข และ อาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 7.6% และ 7.1% ตามลำดับ

i-tail

ปัจจุบัน i-Tail เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงประเภท OEM แบบครบวงจร ที่มีแบรนด์ระดับโลกเป็นลูกค้ามากมาย โดยสินค้าของไอ-เทลได้ถูกส่งออกไปจำหน่ายในกว่า 45 ประเทศทั่วโลก มีตลาดหลักคือ สหรัฐอเมริกา, ยุโรป, เอเชีย และภูมิภาคโอเชียเนีย มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าหลัก 3 อันดับแรก เฉลี่ยอยู่ที่ 21 ปี กับลูกค้ารายใหญ่ 10 อันดับแรก เฉลี่ยอยู่ที่ 18 ปี

นอกจากนี้ i-Tail มีแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เช่น Bellota, Marvo, ChangeTer, CalicoBay และ Paramount ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าในกลุ่ม OEM สามารถใช้ในการทดลองสินค้าในตลาดและประเมินความต้องการของผู้บริโภคให้กับแบรนด์ลูกค้าก่อนตัดสินใจนำมาเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ให้แบรนด์ของตนเองได้อีกด้วย

i-tail

ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2565 i-Tail มีรายการผลิตภัณฑ์กว่า 4,600 รายการที่ผลิตให้กับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำ ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและมีหลักวิทยาศาสตร์รองรับ เช่น เนื้อปลาทูน่าหรือเนื้อไก่ในเกรวี่ (Gravy) น้ำซุป (Broth) เยลลี่ (Jelly) ปาเต้ (Paté) ทั้งที่มีชั้นเดียวและหลายชั้น ชิ้นเนื้อนึ่ง (Steamed Chunk) และร็อคสตาร์ (Rockstar) ซึ่งเป็นชิ้นโปรตีนที่มีลักษณะและเนื้อสัมผัสเหมือนเนื้อสัตว์

i-tail

การวิจัยและพัฒนา หัวใจสำคัญของธุรกิจยุคใหม่

ส่วนของการวิจัยและพัฒนา เป็นสิ่งที่ i-Tail ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เริ่มจากการมองว่า อาหารต่อให้มีคุณค่ามากแค่ไหน ถ้าสัตว์เลี้ยงไม่กิน ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น อาหารสัตว์เลี้ยงจะเน้นแต่คุณค่าโภชนาการ แต่รสชาติไม่อร่อยไม่ได้

ดังนั้น i-Tail จึงมีการสังเกตพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด แต่ละช่วงอายุ โดยทีมวิจัยและพัฒนา ดูแลทั้งด้านคุณภาพ คุณค่าโภชนาการ เช่น i-Tail R&D ซึ่งมีบทบาทหลักในการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหาร, Global PetCare Innovation Center (GPCI) ศูนย์นวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงมีโรงงานต้นแบบ Pilot Plant สำหรับการผลิตสินค้าทดลองก่อนพัฒนาสู่ตลาดจริง และขณะนี้กำลังสร้าง i-Tail Cattery ศูนย์ปฏิบัติการทดสอบรสชาติอาหารแมวโดยกลุ่มแมวทดลอง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ Global Innovation Center (GIC) ของไทยยูเนี่ยน โดย i-Tail ได้ใช้ประโยชน์จากผลการค้นคว้าวิจัยของศูนย์ GIC ในการผลิตผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของ i-Tail อีกด้วย

i-tail

ขณะที่โรงงานผลิตของ i-Tail มี 2 แห่ง ที่สมุทรสาครและสงขลา ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 172,000 ตัน/ปี** โดยมีการนำระบบการผลิตแบบอัตโนมัติมาใช้ในหลายขั้นตอน และขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานที่สมุทรสาคร คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ 18.7% ของกำลังผลิตรวม คาดว่าจะเสร็จในปี 2566 

สำหรับขั้นตอนการผลิตทั้งหมดจะอยู่ภายใต้นโยบาย SeaChange® ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ประกอบด้วย (1) การใช้แรงงานอย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย (2) การจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ (3) การดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ และ (4) ผู้คนและชุมชน

i-tail

ยื่นไฟลิ่ง เตรียม IPO เพื่อขยายธุรกิจ

ภาพรวมตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ​ 131,000-135,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 5.5-5.8% โดยคาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะโตเฉลี่ยที่ 7.1% จากข้อมูลของ Frost & Sullivan นี่คือโอกาสทางธุรกิจของ i-Tail และการผลักดันการเติบโตของบริษัท ที่เชื่อว่ามีโอกาสอีกมาก

ดังนั้นเพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาด ขยายฐานลูกค้า เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ นอกจากสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, และญี่ปุ่นแล้ว ยังมีจีน เป็นอีกเป้าหมายสำคัญ ซึ่งปัจจุบันยังมีสัดส่วนในรายได้รวมของ i-Tail ไม่มากนักแต่มีแนวโน้มตอบรับสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมี่ยมสูงขึ้นเรื่อยๆ  โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอาหารเปียก ที่มีการเติบโตสูง มีสัดส่วนตลาดมากกว่า ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกว่า 

i-tail

สำหรับ การเข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2565 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมความพร้อมเสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชน (IPO) ไม่เกิน 660 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยไทยยูเนี่ยนจำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปปรับปรุงโรงงานทั้งสองแห่งให้ทันสมัยด้วยระบบและเครื่องจักรอัตโนมัติเพื่อขยายกำลังการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต ขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการผลิต ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ เพื่อช่วยประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ให้กับบริษัท รวมถึงงานด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย

i-tail

สรุป

ผู้คนทั่วโลก ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใส่ใจ ให้ความสำคัญกับคุณภาพ คุณค่าโภชนาการอย่างแท้จริงแบบ i-Tail มีโอกาสมากขึ้นด้วย ในอีกมิติ การมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีหลักวิทยาศาตร์รองรับ การมีแหล่งวัตถุดิบคุณภาพจากไทยยูเนี่ยน ทำให้ i-Tail เป็นอีกหนึ่งธุรกิจเตรียม IPO ที่น่าจับตามอง

* ข้อมูลจัดอันดับในเชิงมูลค่า โดย www.petfoodindustry.com ณ ปี 2564
** ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565

Disclaimer 

  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา