องค์กรขนาดใหญ่เดินหน้าแผน Net Zero ต่อเนื่อง โลตัส ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาสาขาครบ 1,000 แห่ง ในปี 2024 ด้าน แสนสิริ และสิงห์ เอสเตท เปิดแผนองค์กรไร้มลพิษยกระดับองค์กร พร้อมจูงใจลูกค้า
โลตัส กับแผน Net Zero ภายในปี 2050
สลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า ตามเป้าหมายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 และไมุ่งสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
หนึ่งในแผนงานเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวของ โลตัส คือการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาศูนย์กระจายสินค้าและสาขาทุกขนาด เพื่อผลิตพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ใช้ทดแทนพลังงานไฟฟ้าบางส่วน โดยแผนของการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังขาของโลตัสมีดังนี้
- ปี 2021 ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาครบ 98 สาขา
- ปี 2022 ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์อีก 468 สาขา
- ปี 2024 ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์จนมีสาขาที่ผลิตไฟได้เองทั้งหมด 1,042 สาขา
ทั้งนี้ในปี 2022 โลตัสจะมีสาขาที่มีโซล่าเซลล์เพื่อผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้เองทั้งหมด 566 สาขา รวมกำลังผลิต 101 เมกะวัตต์ หรือ 12% ของการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งหมดในธุรกิจ ส่วนในปี 2024 จะมีกำลังผลิตรวม 135 เมกะวัตต์ คิดเป็นประมาณ 13.4% ของการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งหมดในธุรกิจ
แสนสิริ เดินหน้า Net Zero ภายในปี 2050
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ. แสนสิริ เปิดเผยว่า ถึงภาคอสังหาริมทรัพย์จะไม่ใช่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงในปริมาณสูง แต่ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ (Value Chain) ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของโลกร้อนเช่นกัน
ปัจจุบันแสนสิริมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้งสิ้น 229,486 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี อันมาจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัทเพียง 4,939.74 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือคิดเป็น 2.2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดเท่านั้น แยกย่อยได้เป็น
- ขอบเขตที่ 1 คือ การใช้น้ำมันในการดำเนินงานของแสนสิริ 0.2%
- ขอบเขตที่ 2 คือ การใช้น้ำมันและพลังงานในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ 2%
- ขอบเขตที่ 3 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่มาจากห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Value Chain) รวมที่ 224,547.24 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือ 97.8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด
*ตัวเลขนี้สามารถแยกย่อยได้เป็นการคาดการณ์การใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในอีก 60 ปีถึง 55% การซื้อวัสดุก่อสร้างจากคู่ค้า 29% การขนส่งสินค้าของคู่ค้า 2% และอื่นๆ 14%
แสนสิริมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัท (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ให้ได้ 20% ภายในปี 2025 และลดก๊าซเรือนกระจกของทั้งขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ให้อยู่ที่ 50% ในปี 2033 โดยมีเป้าหมายสูงสุดสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net-Zero ให้ได้ภายในปี 2050
สิงห์ เอสเตท ขอเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำปี 2030
ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า บริษัทมีแผนการเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำภายในปี 2030 โดยหนึ่งการเดินไปถึงจุดนั้น บริษัทจะกำหนดให้มีพื้นที่การสร้างพื้นที่สีเขียว ให้เท่ากับพื้นที่ก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้าน ตร.ม. ภายใน 10 ปี
ล่าสุด สิงห์ เอสเตท เดินหน้าโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว เริ่มที่ป่าต้นน้ำในบริเวณไร่สิงห์ปาร์ค จ. เชียงราย จำนวน 625 ไร่ และจะขยายต่อสู่ป่ากลางน้ำหรือป่าในเมือง โดยคาดว่าจะเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ต่อด้วยพื้นที่ป่าปลายน้ำ หรือป่าโกงกาง ที่เกาะพีพี ตั้งเป้าโครงการระยะยาว 10 ปี
สรุป
Net Zero ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักขององค์กรยุคนี้ เพราะผู้บริโภค และหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ดังนั้นองค์กรใดที่เปลี่ยนแปลงได้ก่อน ย่อมสร้างความน่าสนใจ และต่อยอดเกี่ยวกับการเติบโตในธุรกิจได้ ซึ่งต้องดูว่า โลตัส, แสนสิริ และสิงห์ เอสเตท จะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ และเติบโตในธุรกิจได้อย่างไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา