มีข่าวมาสักระยะแล้วว่า Tesla อยากเข้าไปลงทุนจริงจังในประเทศอินโดนีเซีย หลังจากมีการเข้าพูดคุยกันหลายต่อหลายครั้ง โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด Joko Widodo ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ส่งสัญญาณจริงจังว่าอยากให้ Tesla มองอินโดนีเซียมากกว่าแค่แหล่งทรัพยากรสำคัญอย่างนิกเกิลที่เป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่
“สิ่งที่เราต้องการคือรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่แบตเตอรี่” ผู้นำอินโดนีเซียกล่าวกับ Bloomberg “เราต้องการให้พวกเขาเข้ามาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งคันที่นี่ เราต้องการระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดมหึมา”
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ถึงส่งถึงแค่ Tesla เท่านั้น แต่เป็นการบอกกลายๆ กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ทั้ง Ford, Hyundai, Toyota และ Suzuki ว่าอินโดนีเซียตั้งใจที่จะแสวงหาการลงทุนและไม่ยอมที่จะถูกมองเป็นแค่แหล่งวัตถุดิบหรือผู้ผลิตชิ้นส่วนในห่วงโซ่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
“แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังคงอยู่ในการเจรจา ทุกอย่างต้องใช้เวลา ผมไม่อยากรีบร้อนโดยที่ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรออกมา เรื่องนี้ยังต้องมีการพูดคุยกันอีกมากและผลลัพธ์ก็จะเป็นตัวพิสูจน์เอง”
ทำไมต้องอินโดนีเซีย?
อินโดนีเซียคือผู้ผลิตแร่นิกเกิลมากที่สุดในโลก โดยมีกำลังการผลิตเป็น 3 เท่าของผู้ผลิตอันดับ 2 อย่างมาเลเซีย มีสัดส่วนการผลิตกว่า 30% ของปริมาณแร่ชนิดนี้ทั้งหมด ทำให้เริ่มเห็นหลายบริษัท เช่น LG Energy Solution และ Hyundai Motor ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับสองของโลกเริ่มเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย
ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมามีรายงานถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ครบวงจรในประเทศอินโดนีเซียของ Tesla หลังจากที่รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าหมายที่ต้องการเป็นแหล่งผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Tesla พูดคุยกับอินโดฯ อยู่หลายหน
รัฐบาลอินโดนีเซียแถลงว่า ในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. Joko Widodo ประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้เข้าพูดคุยกับ Elon Musk ซีอีโอของบริษัทชื่อดังอย่าง Tesla และ SpaceX ที่ Starbase ฐานปล่อยจรวดในเท็กซัส เพื่อหารือกันในเรื่องการลงทุนที่เป็นไปได้ในอนาคตในประเทศอินโดนีเซีย
มีรายงานอีกว่าก่อนหน้านี้ ทีมจาก Tesla ได้เข้าเยี่ยมชมพื้นที่ในอินโดนีเซียอยู่หลายหน โดย Elon Musk ผู้เป็น CEO ก็ระบุเองอีกว่า น่าจะได้ไปเยี่ยมชมด้วยตัวเองบ้างในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง หลังจากได้ยื่นเอกสารขอลงทุนในประเทศอินโดนีเซียไปเมื่อต้นปีที่แล้ว
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา