วิเคราะห์ความร่วมมือ Xiaomi-Leica Camera สร้าง Co-Brand แล้วดีอย่างไรต่อผู้ใช้และธุรกิจ

จากการประกาศความร่วมมือระหว่าง Xiaomi และ Leica Camera เป็นความร่วมมือกันทางเทคโนโลยี พูดง่ายๆ ว่า มือถือรุ่นใหม่ของ Xiaomi ที่จะเปิดตัวประมาณเดือน ก.ค. 65 นี้ จะมีเทคโนโลยีกล้องจาก Leica Camera เข้ามาเสริมประสิทธิภาพให้โดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ไปดูกันว่าการทำ Co-Brand ลักษณะนี้ส่งผลดีอย่างไรต่อผู้ใช้ และสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้อย่างไร

xiaomi leica

Xiaomi-Leica Camera จุดเริ่มต้นความร่วมมือคุณภาพ

ความร่วมมือของ 2 แบรนด์นี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ และจากการประกาศว่าน่าจะได้เห็นมือถือรุ่นใหม่ในเดือน ก.ค.​ คาดว่าน่าจะเป็น Xiaomi Mi 12 Ultra ซึ่งแต่เดิม Mi 11 Ultra ก็มีความโดดเด่นเรื่องคุณภาพกล้องอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้หากผนวกเทคโนโลยี Leica Camera เข้าไปอีก น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพให้เด่นยิ่งกว่าเดิม

อีกทั้งการประกาศยังบอกชัดเจนว่า เป็นความร่วมมือในระยะยาว แปลว่าโมเดลใหม่ๆ ในอนาคตก็น่าจะมีเทคโนโลยีกล้องของ Leica Camera เข้ามาด้วย สิ่งที่ทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้นคือ Leica Camera จะไปอยู่ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Xiaomi ด้วยหรือไม่ เช่น แท็บเล็ต หรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้กล้อง จะยิ่งเพิ่มความน่าติดตามได้ไม่น้อย

ดังนั้น จากความร่วมมือนี้ จะทำให้มือถือของ Xiaomi น่าสนใจขึ้นทันที คุณภาพของกล้องจะเด่นชัดขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ในด้านภาพลักษณ์จะสร้างความแตกต่างและเป็นปัจจัยช่วยในการตัดสินใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

xiaomi 12

อย่างไรก็ตาม Xiaomi ก็ต้องพิจารณาเรื่องราคาของผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน จากเดิมที่ Xiaomi ถูกรับรู้ว่าเป็นแบรนด์คุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ดังนั้นเมื่อมีการความร่วมมือกับ Leica Camera อาจทำให้ราคาปรับสูงขึ้น แต่ถ้ายึดหลักการเดิมไว้ เชื่อว่ามีโอกาสสร้างส่วนแบ่งรายได้อีกมายในระยะยาว

ย้อนดูความร่วมมือ Huawei-Leica Camera จนวันสุดท้าย

สำหรับความร่วมมือในลักษณะ Co-Brand และประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ที่ชัดเจนมากคือ Huawei-Leica Camera ที่ต้องยอมรับว่า ทำให้กล้องบนมือถือมีคุณภาพที่ดีขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันตลาดมือถือทั่วโลก หนึ่งในปัจจัยการแข่งขันคือ คุณภาพของกล้องหน้าและกล้องหลัง ความสามารถในการถ่ายในที่แสงน้อย ถ่ายกลางคืน ภาพกว้าง ภาพซูม ซึ่งกลุ่มหัวตารางอย่าง iPhone, Samsung และ Huawei แข่งขันกันมาตลอด

ดังนั้น การร่วมมือระหว่าง Huawei-Leica Camera เกิดขึ้นในปี 2559 รุ่น P9 Series และ Mate9 Series ช่วยสร้างจุดแข็งและจุดขายให้กับ Huawei โดดเด่นกว่าคู่แข่งอยู่ไม่น้อย และยังช่วยเพิ่มราคาขายตัวมือถือรุ่นใหม่ให้สูงขึ้นด้วย

แต่เมื่อเกิดความร่วมมือระหว่าง Xiaomi-Leica Camera เกิดขึ้น ก็พูดได้ว่า ความร่วมมือกับ Huawei ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยมีการประกาศว่าความร่วมมือสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการวันที่ 31 มี.ค. 65 โดยมือถือรุ่นสุดท้ายที่มี Leica Camera อยู่คือ Huawei P50 Series ดังนั้น ไม่น่าจะได้เห็น Leica Camera ใน Huawei Mate50 Seires

กล่าวได้ว่า Huawei ต้องเผชิญความยากลำบากในธุรกิจมือถืออยู่พอสมควร หลังจากที่ไม่สามารถใช้บริการ Google Mobile Services หรือ GMS ส่งผลให้การทำตลาดนอกประเทศจีนยากขึ้น ล่าสุดแยกทางกับ Leica Camera ก็ลดพลังของแบรนด์ลงไม่น้อย เรียกว่าปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อมือถือ Huawei ก็ลดลงเช่นกัน ต้องรอดูว่าธุรกิจมือถือของ Huawei จะเป็นอย่างไรต่อไป

เจ้าอื่นก็ทำ Co-Brand แต่ไม่โดดเด่น

Xiaomi-Leica Camera เป็นความร่วมมือที่โดดเด่นน่าสนใจ เพราะเทคโนโลยีด้านการภ่ายภาพของ Leica Camera เป็นที่ยอมรับ แต่การทำ Co-Brand ไม่ได้มีเพียงสองแบรนด์นี้เท่านั้น แบรนด์มือถืออื่นๆ ก็ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพกับแบรนด์ด้านกล้องและเลนส์อื่นๆ เพื่อทำตลาดเช่นเดียวกัน

ZEISS เป็นผู้ผลิตเลนส์อีกแบรนด์หนึ่งจากเยอรมนี และยังเป็นผู้ผลิตเลนส์ที่ใช้งานกับกล้อง Mirrorless ของ Sony ซึ่ง ZEISS มีความร่วมมือกับมือถือหลายแบรนด์ เช่น VIVO รุ่น X70 Series, Sony รุ่น XPERIA 1 เป็นต้น

Hasselblad ผู้ผลิตกล้องจากสวีเดน เป็นอีกแบรนด์คุณภาพที่มีความร่วมมือกับมือถือ คือ OPPO ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน รุ่นที่วางจำหน่ายในตลาด เช่น OPPO Find X5 Pro เป็นต้น

สรุป

การทำ Co-Brand หรือ Strategic Partner เป็นหนึ่งในวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นและเป็นการทำตลาดรูปแบบหนึ่งเพื่อสร้างความแตกต่าง ขณะที่มือถือหน้าตาเหมือนกันหมด แอพพลิเคชั่นไม่ต่างกันมากนัก ระบบปฏิบัติการมี 2 ค่ายหลัก สิ่งที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจคือ ราคาที่จ่ายไหวเทียบกับคุณภาพ ถ้ามีการ Co-Brand ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักในการเลือก และเมื่อใช้งานก็สัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา