Roman Abramovich เจ้าของสโมสรฟุตบอลเชลซีโดนเล่นซะแล้ว หลังปูตินมีคำสั่งให้ทหารปฏิบัติการพิเศษในยูเครน จนหุ้นร่วงกันทั่วโลก ราคาน้ำมันและทองคำและโลหะมีค่าขึ้นผันผวน เริ่มมีคำสั่งคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกแล้ว แต่ล่าสุดเศรษฐีที่เกี่ยวข้องกับปูตินก็เริ่มได้รับผลกระทบไปด้วย นั่นก็คือ Abramovich นั่นเอง
Roman Abramovich อดีตเด็กกำพร้า เกิดในครอบครัวชาวยิว
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามวงการฟุตบอล อาจไม่เข้าใจว่าเจ้าของทีมฟุตบอลอย่าง Abramovich (อับราโมวิช) ไปเกี่ยวอะไรกับรัสเซียและยูเครน อับราโมวิชไม่ได้เป็นแค่เพียงเศรษฐีชาวรัสเซีย แต่เป็นนักธุรกิจและยังเป็นนักการเมืองด้วย ก่อนหน้านี้เขาเกิดในตระกูลชาวยิว แม่ของเขาเป็นครูสอนดนตรีและเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุเพียง 1 ขวบ ขณะที่พ่อของเขานั้นทำงานอยู่ในสภาเศรษฐกิจในเขตปกครองตนเองสาธารณรัฐ Komi ของรัสเซีย พ่อของเขาเสียชีวิตไปในช่วงที่เขาอายุเพียง 4 ขวบเขาถูกเลี้ยงดูโดยญาติฝั่งแม่ของเขาหรือลุงนั่นเอง
เขาเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลเชลซีในช่วงปี 2003 ในราคา 190 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 6.1 พันล้านบาท ในปี 2021 เชลซีถูกจัดอันดับให้เป็นทีมฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก อยู่ที่ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.04 แสนล้านบาท เฉพาะปี 2020 สามารถสร้างรายได้มากถึง 520 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.69 หมื่นล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 34.7 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 1.12 พันล้านบาท
Forbes ประเมินว่า อับราโมวิชเป็นมหาเศรษฐีรวยเป็นอันดับที่ 142 ของโลก มีสินทรัพย์ในครอบครองราว 1.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือ 4.42 แสนล้านบาท เขาไม่ได้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลเชลซีอย่างเดียวแต่ยังเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเหมืองแร่และเหล็ก EVRAZ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษ และแหล่งผลิตอยู่ในรัสเซียเป็นหลักรวมทั้งในยูเครน คาซัคสถาน อิตาลี เชก สหรัฐอเมริกา แคนาดา และแอฟริกาใต้ ปี 2021 ทำรายได้มากถึง 1.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.29 แสนล้านบาท
“Surely Mr Abramovich should no longer be able to own a football club in this country.”
Labour’s Chris Bryant calls on the government to seize assets of Chelsea owner Roman Abramovich over his reported links to Vladimir Putin. pic.twitter.com/UhmlQ0hvl5
— Channel 4 News (@Channel4News) February 24, 2022
นอกจากนี้ อับราโมวิชยังมีหุ้นอยู่ในบริษัท Norilsk Nickel ซึ่งเป็นบริษัทถลุงแร่และโลหะมีค่า อาทิ นิกเกิล (nickel) และพาลาเดียม (palladium) ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก ผลจากการบุกยูเครนวานนี้ก็ส่งผลให้ราคาแร่พาลาเดียมถีบตัวสูงขึ้นถึง 7% เฉพาะปี 2020 ทำรายได้มากถึง 1.55 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 5.03 แสนล้านบาท
ช่วงปี 2005 เขาขายหุ้นบริษัทน้ำมัน Sibneft ซึ่งปัจจุบันคือบริษัท Gazprom Neft กลายเป็นวิสาหกิจของรัฐไปแล้ว เขาขายหุ้นในสัดส่วน 73% ด้วยมูลค่า 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.22 แสนล้านบาท นอกจากจะเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของโลก เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันและเหมืองแร่แล้ว เขายังเป็นเจ้าของเรือยอร์ชที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกซึ่งมีความยาวราว 533 ฟุต ช่วงที่ซื้อมาใช้งานในปี 2010 มีราคาอยู่ที่ 400 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท เคยมีข่าวระบุว่า เขามักใช้พื้นที่บนเรือยอร์ชแห่งนี้บริหารทีมฟุตบอลเชลซีด้วย
? Chelsea's Russian owner Roman Abramovich is reported to have been effectively barred from living in Britain ever again as he is named as one of the 'key enablers' of Vladimir Putin's regime.
(Source: Daily Mail) pic.twitter.com/L7mr6z49pW
— Transfer News Live (@DeadlineDayLive) February 24, 2022
อับราโมวิชกำลังถูกคว่ำบาตรไม่ให้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลเชลซีอีกต่อไป
ชื่อของอับราโมวิชกลายเป็นที่สนใจของโลกอีกครั้งเมื่อ Chris Bryant ส.ส. จากพรรคแรงงานของอังกฤษกล่าวในสภาอังกฤษ โดยพยายามหาทางคว่ำบาตรรัสเซียหลังปูตินมีคำสั่งให้ปฏิบัติการทหารพิเศษในยูเครน โดยระบุว่าอับราโมวิชคือหนึ่งในผู้ที่มีความใกล้ชิดผู้นำรัสเซียและให้เงินสนับสนุนผู้นำรัสเซียด้วย เรียกอีกอย่างว่า เมื่อจัดการกับผู้นำรัสเซียอย่างปูตินโดยตรงไม่ได้ ก็ให้จัดการกับท่อน้ำเลี้ยงเสีย
Bryant ระบุว่า เขาได้ข้อมูลลับมาว่า อับราโมวิชใช้เงินไปกับการคอรัปชั่นและเพื่อให้ตัวเองมีอิทธิพลทางการเมืองในรัสเซีย เขาเห็นว่าอับราโมวิชไม่ควรได้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลในประเทศอังกฤษอีกต่อไป อังกฤษควรจะจัดการยึดสินทรัพย์ของเขา รวมถึงบ้านมูลค่า 152 ล้านปอนด์หรือประมาณ 4.9 พันล้านบาทด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนที่รับวีซ่า tier 1 เช่นนี้ ไม่สามารถกระทำสิ่งเลวร้ายใดๆ ในอังกฤษได้ ด้าน Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่าได้ทำการคว่ำบาตรอับราโมวิชแล้ว ก่อนจะกลับคำพูดในเวลาต่อมาว่า เขาพูดผิด
another campaign against Chelsea because of Roman Abramovich's relationship with Putin, it will not work!! pic.twitter.com/RaCP1Cb9vS
— Malik Ofori (@malikofori) February 24, 2022
หนึ่งในผู้ใกล้ชิดผู้นำรัสเซียตั้งแต่สมัยเยลต์ซินถึงปูติน
ช่วงที่อับราโมวิชอายุ 30 ปี เขาก็เริ่มมีเครือข่ายทางการเมืองและใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดี Boris Yeltsin เขาเริ่มย้ายอพาร์ทเมนท์ไปยังเครมลินโดยการเชื้อเชิญโดยครอบครัวเยลต์ซิน โดยในปี 1999 อับราโมวิชก็เริ่มได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าการเมือง Chukotka ของรัสซีย เขาไม่ได้มีอำนาจแค่อย่างเดียวแต่เริ่มมั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆ เขาลงทุนกับพื้นที่นี้ไปมากถึง 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.22 หมื่นล้านบาทในการยกมาตรฐานชีวิตของผู้คน โรงเรียนและดึงนักลงทุนเข้ามาร่วมลงทุนที่นี่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอับราโมวิชได้ผลประโยชน์จากการสานสัมพันธ์กับเยลต์ซิน ในปี 1995 เยลต์ซินมีคำสั่งพิเศษที่จะสร้างบริษัทน้ำมัน Sibneft โดยมีอับราโมวิชและเพื่อนได้เป็นผู้บริหารระดับสูง จากนั้นจึงมาทำความรู้จักกับปูตินและกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในรัสเซียที่ใกล้ชิดกับผู้นำของประเทศ
สำหรับประเทศโลกตะวันตกและประเทศพันธมิตรตอนนี้เริ่มประกาศคว่ำบาตรรัสเซียหลายแห่งแล้ว หนึ่งในมาตรการที่จะคว่ำบาตรผู้นำรัสเซียได้คือเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน ดังนั้นการตัดอับราโมวิชหรือทำให้ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของผู้นำรัสเซียตามที่ตะวันตกกล่าวอ้าง ทำให้เขามีปัญหาในการดำเนินธุรกิจก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยยับยั้งท่าทีแข็งกร้าวของปูตินได้บ้างไม่มากก็น้อย
ที่มา – Forbes (1), (2), (3), The Guardian, Fortune, The Gentleman’s Journal
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา