สงครามเฟรนช์ฟรายส์ปะทุ! McDonald’s งดขายเพราะมันฝรั่งขาด คู่แข่งจึงสวนด้วยการเพิ่มปริมาณเฟรนช์ฟรายส์ให้ 25% แบบฟรีๆ
โลกกำลังอยู่ในภาวะที่ supply chain เปราะบาง โควิด-19 ระบาดทำให้การขนส่งในระดับโลกมีความเสี่ยง ยิ่งถ้าเจอปัญหาอื่นเข้าแทรก การขนส่งก็พร้อมชะงักลง สินค้าก็พร้อมขาดแคลนได้ทันที เช่น ราคาเมล็ดกาแฟที่พุ่งสูง เพราะเกิดภัยแล้งและการประท้วงในประเทศผู้ผลิตชั้นนำ
และล่าสุด ก็มีปัญหาการขาดแคลนมันฝรั่ง จากการที่ภัยพิบัติเข้ามาซ้ำ supply chain ที่เปราะบางเป็นทุนเดิม
ผลลัพธ์คือ McDonald’s ในญี่ปุ่นต้องหยุดขายเฟรนช์ฟรายส์ ยกเว้นไซส์เล็กสุด ในร้านกว่า 2,900 สาขา เพื่อให้แก้ปัญหามันฝรั่งขาดแคลนครั้งนี้ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม
และเรื่องนี้ ก็ทำให้ ‘สงครามเฟรนช์ฟรายส์’ เกิดขึ้น
เพราะในขณะที่ McDonald’s ลดการขายเฟรนช์ฟรายส์ Freshness Burger เชนฟาสต์ฟู๊ดญี่ปุ่นก็ถือโอกาสออกแคมเปญ We’ve Got Potatoes! เพิ่มปริมาณเฟรนช์ฟรายส์ไซส์กลางและใหญ่ให้ลูกค้า 25% แบบฟรีๆ
แล้วทำไมถึงเพิ่มปริมาณได้ แม้มันฝรั่งจะขาด?
ต้องบอกก่อนว่า ปกติแล้ว McDonald’s จะเน้นการขายในจำนวนมาก ต้องสรรหาวัตถุดิบถูกจึงจำเป็นต้องน้ำเข้ามันฝรั่งจากแคนาดาที่ถูกกว่า แต่ประเด็นคือเกิดน้ำท่วมทำให้ท่าเรือในแวนคูเวอร์เสียหายการขนส่งเลยชะงักลง
ส่วน Freshness Burger ซื้อมันฝรั่งจากฮอกไกโด ไม่ต้องมีความเสี่ยงในเรื่องการขนส่งระหว่างประเทศ แต่ราคาก็แพงกว่าเพราะภาคเกษตรในญี่ปุ่นผลิตสินค้าได้น้อยกว่า
แต่เรื่องราคาก็อาจไม่ใช่ปัญหา เพราะ Freshness Burger วาง position ตัวเองเป็นเชนฟาสต์ฟู๊ดที่พรีเมี่ยมกว่า มีราคาแพงกว่า เช่น เฟรนช์ฟรายส์ไซส์ใหญ่ก็แพงกว่า McDonald’s อยู่ 100 เยน (ประมาณ 30 บาท) ส่วนเบอร์เกอร์คลาสสิคก็แพงกว่า 150 เยน (ประมาณ 45 บาท)
และในเรื่องความพรีเมี่ยม ก็มีความเห็นจากทวิตเตอร์บางส่วนมายืนยันจริงๆ เพราะบางความเห็นก็ระบุว่า “รู้สึกว่า Freshness Burger แพงกว่าแต่อาหารก็ดีจริงๆ” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “พวกเขารอจนกว่าเราจะสั่งอาหารเสร็จจึงจะทอดเฟรนช์ฟรายส์”
ดังนั้น แม้ McDonald’s จะยอมลดราคาอาหารเซ็ทลง 50 เยน (ประมาณ 15 บาท) เพื่อดึงดูดใจ แต่ดีลเพิ่มปริมาณเฟรนช์ฟรายส์ 25% แบบฟรีๆ ก็ยังน่าสนใจไม่น้อย
ที่มา – Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา