ไม่มองแค่คนกระเป๋าหนัก-มู้ดลูกค้าตกต้องกระตุ้น Jaymart สไตล์ใหม่ รักษาแชมป์ผู้ค้ามือถือ

Smartphone เป็นอุปกรณ์ที่หลายคนขาดไม่ได้ ดังนั้นการจำหน่ายในประเทศไทยจึงสูงถึง 19 ล้านเครื่องในปีนี้ และนอกจากแบรนด์ผู้ผลิตจะแข่งกันเองแล้ว ฝั่งร้านค้าก็แข่งกันไม่น้อยเช่นกัน แล้ว Jaymart จะงัดกลยุทธ์อะไรมารักษาผู้นำในตลาดนี้

เจาะลูกค้าตั้งแต่ล่างยัน Hi-End

ก่อนหน้านี้คนระดับกลาง หรือล่าง หากต้องการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ การเข้าร้าน Jaymart อาจไม่ใช่คำตอบ เพราะด้วยภาพลักษณ์ และสินค้าภายในร้านดูเหมือนจะตอบโจทย์คนระดับกลางถึงบนมากกว่า แต่หลังจากนี้ภาพเหล่านี้จะค่อยๆ เลือนหายไป และกลายเป็นร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้บริโภคทุกคน

นราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บมจ.เจมาร์ท เล่าให้ฟังว่า แม้ตัวลักษณะ และรูปแบบการจัดวางสินค้ายังคงเรื่องความหรูหรา และเป็นระเบียบอยู่เหมือนเดิม แต่ด้วยรูปแบบชำระเงินที่เปลี่ยนไป เช่นผ่อนได้นาน และไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต ทำให้หน้าร้าน 260 สาขาทั่วประเทศ เป็นมิตรกับผู้ซื้อมากขึ้น

“การที่เรามี Jay Fintech บริการสินเชื่อผ่อนชำระโทรศัพท์มือถือระยะยาว โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากลางล่างที่อยากใช้งาน Smartphone ราคาเกิน 20,000 บาทได้ง่ายขึ้น และมองว่าการชำระเงินแบบนี้น่าจะขึ้นเป็นสัดส่วนสำคัญของการซื้อ จากปัจจุบันคิดเป็น 8% ยอดรูปแบบการซื้อทั้งหมด โดยมีการซื้อผ่านบัตรเครดิตเกิน 50%”

นราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บมจ.เจมาร์ท

ชูจุดต่างเข้ามาต้องได้ทุกอย่าง

ขณะเดียวกันเมื่อลูกค้ากลุ่มหลักที่เข้ามาในร้าน Jaymart คือคนที่มีรายได้เกิน 20,000 บาท และมีบัตรเครดิต ทำให้การเพิ่มไลน์สินค้าตั้งแต่แก็ดเจท จนไปถึงกล้องถ่ายภาพ เป็นอีกมุมที่สามารถตอบโจทย์ผู้เข้าร้านให้ได้มากกว่าแค่โทรศัพท์มือถืออีกด้วย ซึ่งน่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับหน้าร้านถึง 30% และปิดรายได้ปีนี้ที่ 13,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 2-3 ของทุกปีเป็นเวลาที่ตลาดโทรศัพท์มือถือค่อนข้างชะลอตัว แม้แบรนด์ต่างๆ จะทยอยปล่อยสินค้ารุ่นใหม่ออกมา ทำให้บริษัทตัดสินใจร่วมมือกับแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ และฟีนิกซ์ประกันภัย เพื่อให้ประกันโทรศัพท์มือถือแบบ Lifetime หรือตลอดชีพฟรีกับลูกค้าที่ซื้อสินค้าของแบรนด์ Samsung, Huawei, Oppo, Vivo และ iPhone

“ถือเป็นครั้งแรกของการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ที่ร้านค้าให้ประกันแบบ Lifetime เต็มที่ในตลาดก็มีแค่ 1-3 ปี และจุดนี้เองน่าจะช่วยสร้างความแตกต่างกับคู่แข่ง เพราะตอนนี้การแข่งขันของร้านค้ามือถือก็ค่อนข้างหนัก นอกจากเรา และเชนใหญ่อีกรายยังมีกลุ่มค้าปลีกคอมพิวเตอร์ 4-5 ราย ที่ลงมาเล่นสงครามราคาตัวโทรศัพท์มือถือ และยิ่งตลาดซบ เรายิ่งต้องทำอะไร”

สรุป

การเข้าถึงลูกค้าได้ทุกระดับถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะการมองแค่กลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม อาจไม่ตอบโจทย์สำหรับช่วงนี้ที่เศรษฐกิจไม่ค่อยเอื้ออำนวย ดังนั้นการส่งแคมเปญต่างๆ มาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค และสร้างการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ น่าจะช่วยสร้างความหลากหลาย และทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนได้

สำหรับธุรกิจหน้าร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือของ Jaymart ปัจจุบันคิดเป็นรายได้เกือบ 90% ของกลุ่มที่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และติดตามหนี้สิน โดยตัวหน้าร้านจะเน้นจำหน่าย Smartphone รุ่นกลาง ส่วนรุ่น Hi-End หรือเกิน 20,000 บาท จะคิดเป็น 20% ของจำนวนเครื่องที่ขาย ส่วนไตรมาสแรกบริษัทยังไม่สามารถทำยอดเติบโต 30% ตามเป้าหมายทั้งปีได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา