กองทุน หุ้น ทอง น้ำมัน อาจเป็นรูปแบบการลงทุนที่หลายๆ คนนึกถึง แต่รู้หรือไม่ว่านักลงทุนบางคนเชื่อว่าเพลงฮิต อย่าง All I Want For Christmas Is You ดีกว่าทองและน้ำมันเสียอีก
พูดถึงการลงทุน หลายคนคงนึก กองทุน หุ้น ทอง น้ำมัน ไปจนถึง คริปโทเคอร์เรนซี DeFi และ NFTs แต่รู้หรือไม่ว่านักลงทุนบางคนก็ลงทุนในลิขสิทธิ์เพลง
และในกรณีเพลงฮิต อย่าง All I Want For Christmas Is You ที่ไม่ว่าจะย่างไปที่ไหนก็ได้ยินอยู่ตลอดเวลาในช่วงคริสต์มาส ทั้งในห้าง ร้านอาหาร คอมมูนิตี้มอล หรือออฟฟิศ Merck Mercuriadis ผู้ก่อตั้ง Hipgnosis Songs Fund บริษัทลงทุนทรัพย์สินทางปัญญาด้านดนตรี เชื่อว่า อาจให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองและน้ำมัน
ถือลิขสิทธิ์ All I Want For Christmas Is You อยู่ 50%
จนถึงตอนนี้ Hipgnosis Songs Fund ทุ่มทุนไปกว่า 1.5 พันล้านปอนด์ (6.72 หมื่นล้านบาท) ลงทุนในลิขสิทธิ์เพลงกว่า 13,000 เพลง เช่น Smells Like Teen Spirit ของ Nirvana, Uptown Funk ของ Mark Ronson หรือแม้แต่ Shape of You ของ Ed Sheeran
นอกจากนี้ Hipgnosis Songs Fund ยังถือครองลิขสิทธิ์เพลง All I Want For Christmas Is You ของ Mariah Carey อยู่ 50%
แถม Mercuriadis เพิ่งจะให้สัมภาษณ์ออกไปว่า เขาก็ปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของเพลง Last Christmas ของ Wham! เช่นกัน
ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ผู้คนก็ยังฟังเพลง
Mercuriadis เชื่อว่าการเข้ามาของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลง ทำให้เพลงยอดฮิตเพลงหนึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนต่อปีที่น่าพึงพอใจ เป็นผลให้ “เพลงยอดฮิตกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเหนือล้ำไปกว่าทองและน้ำมัน”
“การบริโภคทองและน้ำมันอาจถูกกระทบโดยปัญหาทางการเมืองหรือการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ Omicron แต่เพลงเป็นสินทรัพย์ที่เหนือกว่านั้น”
“เพราะไม่ว่าจะร้ายหรือดี ผู้คนก็จะยังคงฟังเพลงดีๆ อยู่เสมอ อย่างเช่นในคริสต์มาสนี้ หลายคนอาจไม่สามารถกลับบ้านไปฉลองกับครอบครัว แต่พวกเขาก็ยังคงฟังเพลง All I Want For Christmas Is You อยู่”
- All I Want for Christmas Is You มาแรงไม่หยุด ติดชาร์ตอันดับ 1 ในอังกฤษครั้งแรกใน 26 ปี
- ผลวิจัยชี้ ฟังเพลงปีใหม่และเพลงคริสต์มาสถี่เกินไปทำให้คนเบื่อ เครียด และชอปปิงมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา