เปิดพอร์ต “ทวีฉัตร จุฬางกูร” ผู้ถือหุ้นใหญ่นิคมฯ นวนคร เศรษฐีหุ้นหมื่นล้านในหลากธุรกิจ

นิคมอุตสาหกรรมนวนคร เป็นชื่อที่ติดหูใครหายคนเป็นอย่างดี เพราะเป็นแหล่งงานแหล่งอาชีพขนาดใหญ่ของจังหวัดปทุมธานีและนครราชสีมา มีโรงงานอุตสาหกรรมหลายร้อยแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งผลิตสินค้า สร้างมูลค่าเพิ่มให้ประเทศไทยมาหลายสิบปี ยิ่งในช่วงเวลาที่ประเทศไทยดูจะไม่ดึงดูดใจนักลงทุนต่างชาติเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้นิคมอุตสาหกรรมเริ่มเป็นที่จับตามองว่า จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

สำหรับคนที่ติดตามเรื่องหุ้นอยู่แล้ว อาจจะพอรู้ว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนานิคมฯ นวนครทั้ง 2 แห่ง คือ ทวีฉัตร จุฬางกูร ถือเป็นเศรษฐีหุ้นหมื่นล้านอีกคนหนึ่งของไทย แม้จะไม่ได้บริหารนวนครด้วยตัวเอง แต่ก็ทำให้น่าสนใจว่า นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้มีความโดดเด่นอย่างไร และมีธุรกิจอะไรอีกบ้างที่ ทวีฉัตร ถือครองอยู่

navanakorn

จุฬางกูร-จึงรุ่งเรืองกิจ จากต้นกำเนิดเดียวกัน

สำหรับ ทวีฉัตร จุฬางกูร เป็นบุตรชายของ ของสรรเสริญ จุฬางกูร แห่งซัมมิท คอร์ปอเรชั่น ซึ่งมีต้นกำเนิดเดียวกับ จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งกลุ่มไทยซัมมิท ถ้าจะพูดให้ชัดขึ้น ก็คือ พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ บิดาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่นเอง

ดังนั้น กล่าวได้ว่า ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย ซัมมิท คอร์ปอเรชั่น เป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน และไม่เพียงแค่อุตสาหกรรมนี้เท่านั้น แต่ยังโดดเด่นเรื่องการลงทุนใน “หุ้น” อีกด้วย โดยทวีฉัตร เป็นหนึ่งในเศรษฐีหุ้นอีกรายของไทย

navanakorn

นวนคร หนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ของไทย

บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนานิคมฯ นวนคร เป็นหนึ่งในบริษัทที่ ทวีฉัตร ถือหุ้นใหญ่อยู่ โดยบริษัทนี้มีนิคมฯ ด้วยกัน 2 แห่ง คือ นวนคร ปทุมธานี อยู่บนถนนพหลโยธิน ขนาด 6,575 ไร่ มีกว่า 200 โรงงานอุตสาหกรรม และแห่งที่ 2 คือ นวนคร นครราชสีมา อยู่ที่อำเภอสูงเนิน มีขนาด 1,903 ไร่ มี 22 โรงงานอุตสาหกรรม นิคมฯ ทั้ง 2 แห่งมีความสำคัญกับอุตสาหกรรมการผลิตของไทย มีธุรกิจสำคัญๆ เช่น เวสเทิร์นดิจิทัล, แคนนอน เป็นต้น

สำหรับไตรมาส 1 ของปี 2564 นวนคร มีรายได้ 220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีรายได้ 191 ล้านบาท ขณะที่กำไร 109 ล้านบาท เติบโตขึ้น 19% จากช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่าน ที่ทำได้ 91 ล้านบาท

รายได้ส่วนใหญ่ของนวนคร มาจากการให้บริการนิคมอุตสาหกรรมและค่าเช่าเป็นหลัก เป็นสัดส่วน 78%

navanakorn

รายได้ปี 63 กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง แต่ขายที่ดินทำกำไรได้เพิ่ม

สำหรับปี 2563 นวนคร มีรายได้ 1,042 ล้านบาท เติบโตขึ้น 34% จากปี 2562 ที่มีรายได้ 775 ล้านบาท เป็นไปในทิศทางเดียวกับกำไร ที่ปี 2563 ทำได้ 352 ล้านบาท เติบโตขึ้น 38% จากปี 2562 ที่มีกำไร 256 ล้านบาท

รายได้ในปี 63 จากการให้บริการนิคมอุตสาหกรรมและค่าเช่า ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปี 62 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้กิจกรรมต่างๆ ลดลง แต่นวนคร ได้รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาก มาจากการขายโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือการโอนขายที่ดิน ทำให้ภาพรวมรายได้และกำไรเติบโตขึ้น

SET Streaming Investing
ภาพจาก Shutterstock

BEC, GMM, OISHI, SE-ED ทวีฉัตรก็ถืออยู่

ชื่อของนวนคร อาจเป็นที่รู้จักในนามของนิคมอุตสาหกรรม แต่ ทวีฉัตร ยังมีหุ้นเด่นๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดี และหลายที่ยังเป็นหุ้นใหญ่อีกด้วย ตอกย้ำการเป็นนักเล่นหุ้นขาใหญ่ตัวจริง เช่น

  • บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE-ED ถือหุ้นอยู่ 24.99% เป็นอันดับ 1
  • บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL ถือหุ้น 24.70% เป็นอันดับ 1
  • บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ถือหุ้น 13.60% เป็นอันดับ 1
  • บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ถือหุ้น 16.42% เป็นอันดับ 2 รองจากไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
  • บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI ถือหุ้น 23.49% เป็นอันดับ 2 รองจาก สงกรานต์ อิสสระ
  • บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ถือหุ้น 22.09% เป็นอันดับ 2
  • บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ PE ถือหุ้น 24.50% เป็นอันดับ 2
  • บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ถือหุ้น 14.01% เป็นอันดับ 2
  • บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ถือหุ้น 22.51% เป็นอันดับ 3 รองจาก หทัยรัตน์และณัฐพล จุฬางกูร
  • บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ถือหุ้น 4.21% เป็นอันดับ 4

ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีหุ้นอีกหลายตัวที่ทวีฉัตรถือครองในจำนวนที่น้อยลงไปอีกหลายสิบบริษัท

ข้อมูลอ้างอิง – SET, Navanakorn, กรุงเทพธุรกิจ, ประชาชาติธุรกิจ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา