ใครจะไปเชื่อว่าเบอร์หนึ่งของตลาดใบมีดโกนอย่าง Gillette จะถูกกลุ่ม Startup เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งไปได้จำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงการไม่ทำอะไรใหม่ๆ ก็ส่งผลให้ธุรกิจที่แข็งแกร่งกลับไม่ยั่งยืน
Subscription Model ตรงจุดกว่า
สินค้าใบมีดโกนไม่ว่าจะสำหรับผู้ชาย หรือผู้หญิง การใช้งานจะเป็นไปตามระยะเวลา เช่น 1 สัปดาห์ต้องเปลี่ยน 1 ใบ เพื่อให้โกนจุดต่างๆ ได้อย่างเรียบเนียน ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้บริโภคต้องไปหาซื้อชุดใบมีดโกนใหม่ทุกๆ สัปดาห์ หรือทุกๆ เดือน และคงไม่ตอบโจทย์ในกลุ่มคนที่เบื่อการซื้ออะไรซ้ำๆ ด้วยตนเอง
ดังนั้น Subscription Model หรือการสมัครสมาชิกเพื่อรับสินค้าบางอย่างตามเวลาที่กำหนดไว้ น่าจะตอบโจทย์ในการซื้อสินค้าที่ซ้ำกันบ่อยๆ มากกว่า และในตอนนี้ก็มีกลุ่ม Startup ในสหรัฐอเมริกา 2 รายคือ Harry’s กับ Dollar Shave Club ที่สร้าง Subscription Model กับสินค้าใบมีดโกนขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ในตลาด
ทำ Gillette แชร์ตลาดหาย 20%
และด้วยความประมาท หรือมองว่าตนเองเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดใบมีดโกน ทำให้ Procter & Gamble หรือ P&G เจ้าของแบรนด์ Gillette เพิกเฉยต่อการเข้ามาทำตลาดของ Startup ทั้งสองรายจนส่วนแบ่งตลาดใบมีดโกนในสหรัฐอเมริกาลดลงจาก 70% ในปี 2553 เหลือเพียง 54% ในปี 2559 ถ้าอ้างอิงข้อมูลจาก Euromonitor
โดยส่วนที่หายไปนั้นถูกทดแทนโดย Harry’s กับ Dollar Shave Club ที่ปี 2559 มีส่วนแบ่งในตลาดใบมีดโกนรวมกัน 12.2% เพิ่มจากปี 2558 ที่มี 7.2% แต่ถึงอย่างไรทาง P&G กลับแจ้งว่าจริงๆ Market Share ไม่ได้ลดเยอะขนาดนั้นถ้าอ้างอิงตัวเลขภายในบริษัท แต่บริษัทก็รับมือกับเรื่องนี้ด้วยการประกาศลดราคาทุกสินค้าลง 20%
สรุป
ในสหรัฐอเมริกา Subscription Model อาจเป็นเรื่องที่ได้ความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยความสะดวก และไม่ต้องไปทำอะไรด้วยตนเอง เพียงสมัครสมาชิก ก็มีสิ่งของมาส่งให้ทันที แต่ในประเทศไทยคงต้องรออีกระยะหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่ยังคุ้นเคยกับการไปซื้อสินค้าด้วยตนเองมากกว่า
อ้างอิง // Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา