Google โดนทางการสหรัฐฟ้องข้อหาผูกขาด เอาเปรียบนักพัฒนา บังคับให้จ่ายเงินได้ทางเดียว

กลุ่มอัยการ 36 รัฐและวอชิงตัน ดี.ซี ในสหรัฐรวมตัวกันฟ้อง Google ด้วยข้อหาผูกขาดตลาด โดยอ้างว่า Play Store ซึ่งเป็นแอปสโตร์ของ Google ใช้อำนาจในการควบคุมตลาดอย่างไม่เป็นธรรม และเอาเปรียบนักพัฒนาแอปฯ มากเกินไป

ค่าธรรมเนียมไม่สมเหตุสมผล

โดยการฟ้องร้องครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ Google โดนหน่วยงานรัฐฟ้องร้องด้านการผูกขาดตลาดตั้งแต่สิ้นปี 2020 แต่เป็นครั้งแรกที่เกี่ยวกับ Play Store ซึ่งมีกำไรมหาศาล

นักพัฒนาแอปฯ มีปัญหากับการที่พวกเขาจำเป็นต้องตั้งราคาสูงขึ้นจากการโดนบังคับให้ใช้ระบบจ่ายเงินผ่านสโตร์ของ Google สำหรับการซื้อภายในแอป (in-app purchases) ที่มีค่าธรรมเนียมสูงถึง 30% 

คำฟ้องร้องกล่าวว่า “ด้วยส่วนแบ่งตลาดของ Play Store (ด้านแอปแอนดรอยด์) ที่สูงมากกว่า 90% Google จึงผูกขาดตลาดอย่างชัดเจน ไม่มีคู่แข่งทัดทานหรือส่งผลกระทบได้ ทำให้ค่าธรรมเนียมไร้การเปลี่ยนแปลง”

เมื่อปี 2020 ทาง Google ก็เคยตรวจสอบแอปที่จ่ายรายเดือนอย่าง Netflix และ Spotify แต่ไม่ใช้ระบบของ Play Store เพื่อเลี่ยงค่าธรรมเนียมไปแล้ว โดยประกาศไว้ว่าแอปทุกประเภทที่มีค่าใช้จ่ายต้องใช้ระบบจ่ายเงินของ Play Store ภายในเดือนกันยายน 2021

ทว่า ด้วยข้อครหาด้านการผูกตลาดที่มากขึ้นเรื่อยๆ Google ก็ประกาศในปี 2021 ว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมของรายได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐแรก (ประมาณ 32.5 ล้านบาท) เพียง 15% เท่านั้น

แพลตฟอร์มโฆษณาที่ไม่โปร่งใส

ก่อนหน้านี้ Google ถูกฟ้องในด้านของการผูดขาดตลาดเครื่องมือค้นหา (Google Search) และใช้โฆษณา (Google Ads) อย่างไม่โปร่งใสเป็นส่วนใหญ่ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้องว่าทางบริษัทใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายในการป้องกันตำแหน่งผู้นำตลาดของตัวเองในตลาดเสิร์ชเอนจิน ซึ่งทาง Google ก็โต้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ผู้บริโภคสามารถเลือกผู้ให้บริการรายอื่นได้เสมอ

สรุป

Google Play Store และ Apple App Store เป็นสองแอปสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และโดนฟ้องร้องหรือกดดันด้านการผูดขาดตลาดเสมอ น่าจับตามองว่าทางบริษัททั้งสองจะยอมถอยให้นักพัฒนาแอปฯ มากขึ้นหรือไม่

ที่มา – NY Times, Blognone

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา