AstraZeneca (แอสต้าเซนเนก้า หรือ AZD1222) ผ่านเกณฑ์ผลวิจัยทางคลินิกระยะ 3 ในสหรัฐอเมริกาแล้ว มีประสิทธิผล 79% ในการป้องกันโควิด และมีประสิทธิผล 100% ในการป้องกันการเกิดโรครุนแรงและป่วยในระดับที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล
การวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างการวิจัยถึงความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนในอาสาสมัคร 32,449 พบผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการของโควิด-19 จำนวน 141 ราย เป็นการทดสอบแบบสุ่มในอัตราส่วน 2:1 ระหว่างการให้วัคซีนกับยาหลอก ประสิทธิผลของวัคซีนมีความเสถียรในทุกกลุ่มเชื้อชาติและอายุ มีข้อสังเกตว่าอาสาสมัครที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ประสิทธิผลวัคซีนอยู่ที่ 80% ทั้งนี้อาสาสมัครทนต่อผลข้างเคียงวัคซีนได้ดี
นอกจากนี้ ได้เจาะจงตรวจสอบวิเคราะห์เกี่ยวกับภาวะอุดตันของหลอดเลือดดำที่รับเลือดจากสมอง ได้รับความร่วมมือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาอิสระ ไม่พบว่ามีความเสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดหรืออาการของการมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหมู่อาสาสมัคร 21,583 รายที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ไม่พบภาวะอุดตันของหลอดเลือดดำที่รับเลือดจากสมอง
กลุ่มอาสาสมัครที่เข้าร่วมการวิจัยนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดย 79% เป็นคนผิวขาว/คอเคเซียน 8% เป็นคนผิวดำ/แอฟริกันอเมริกัน 4% เป็นชนพื้นเมืองอเมริกัน 4% เป็นชาวเอเชีย และ 22% เป็นฮิสแปนิก ประมาณ 20% ผู้เข้าร่วมทดลองมีอายุ 65 ปีขึ้นไป ประมาณ 60% เป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วนรุนแรง โรคหัวใจ เสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิด-19 รุนแรง
การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 มีการเว้นระยะห่างเข็มแรกและเข็มที่สองเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ เมื่อเปรีบเทียบกับเข็มสองที่ห่านกัน 12 สัปดาห์ พบว่า วัคซีนจะให้ประสิทธิผลสูงกว่า AstraZeneca สามารถจัดเก็บและขนส่งได้ที่อุณหภูมิแช่เย็นทั่วไป (2-8 องศาเซลเซียส) เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน สามารถฉีดให้กับผู้ป่วยได้ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่เดิมในระบบสาธารณสุข
- วัคซีนป้องกันโควิด “AstraZeneca” ที่รัฐบาลไทยเตรียมจัดซื้อ มีประสิทธิภาพ 70%
- บิ๊กดีล บริษัทยา AstraZeneca ซื้อ Alexion มูลค่า 1.17 ล้านล้านบาท
- ราคากำลังดี AstraZeneca ขายหุ้น Moderna ได้เงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
ที่มา – AstraZeneca
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา