บริษัทที่มูลค่าสูงที่สุดในโลกยุคนี้ ต้องมีมูลค่าหลัก “ล้านล้านดอลลาร์” (trillion) ขึ้นไป แต่ทั้งหมดก็เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ และมีมูลค่าบริษัท (market cap) ตามราคาหุ้น
ล่าสุดมีสตาร์ตอัพที่ยังไม่ขายหุ้น IPO เข้าตลาด สามารถระดมทุนจนได้มูลค่า (valuation) ถึง 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.9 ล้านล้านบาทได้แล้ว กลายเป็นสตาร์ตอัพก่อน IPO ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกตะวันตกแล้ว ทำลายสถิติเดิมที่ Facebook หรือ Uber เคยทำเอาไว้ที่ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ตามลำดับ (บริษัทที่มูลค่าสูงกว่า Stripe มีแต่คือ ByteDance บริษัทจีนที่เป็นแม่ของ TikTok และ Ant Group ของ Alibaba)
บริษัทที่ว่านี้คือ Stripe ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้อง Patrick Collison และ John Collison จากประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งทั้งสองยังมีอายุเพียง 32 และ 30 ปี แถมมีนักลงทุนยุคแรกๆ คือ Elon Musk และ Peter Thiel ด้วย
ชื่อ Stripe อาจไม่ใช่ชื่อสามัญที่วงการเทคโนโลยีคุ้นเคย เพราะธุรกิจของ Stripe คือการทำระบบจ่ายเงิน (payment) ให้บริษัทอื่นๆ ใช้งานอีกต่อหนึ่ง ระบบของ Stripe รองรับการจ่ายเงินหลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และมีบริการข้างเคียง เช่น การออกบัตรจ่ายเงินเสมือน ออกบิล-ใบแจ้งหนี้ ระบบตรวจสอบการฉ้อโกง ฯลฯ
จุดเด่นของ Stripe คือเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย บริษัทนำไปต่อเชื่อมกับระบบภายในของตัวเองแล้วใช้งานได้แทบทันที ตัวอย่างบริษัทที่ใช้บริการของ Stripe มีตั้งแต่บริษัทเทคโนโลยี Google, Amazon, Zoom, Salesforce ไปจนถึงบริษัทแบบดั้งเดิมอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต Waitrose และบริษัทรถยนต์ Jaguar Land Rover ความแพร่หลายของ Stripe ทำให้บริษัทเรียกตัวเองว่าเป็น “โครงสร้างพื้นฐานด้านการจ่ายเงินของอินเทอร์เน็ต” (payments infrastructure for the internet)
Stripe ระดมทุนรอบล่าสุดนี้ได้เงินมาอีก 600 ล้านดอลลาร์ มีนักลงทุนจำนวนมากร่วมลงทุน เช่น Allianz X, Axa, Baillie Gifford, Fidelity Management & Research Company, Sequoia Capital รวมถึงบริษัทลงทุนของรัฐบาลไอร์แลนด์ (NTMA) ด้วย
แม้ว่า Stripe เป็นบริษัทอเมริกันที่ตั้งอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานฟรานซิสโก แต่ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจของยุโรป เพราะผู้ก่อตั้งมาจากยุโรป ปัจจุบัน Stripe มีให้บริการใน 42 ประเทศ ในจำนวนนี้มี 31 ประเทศอยู่ในยุโรป และบริษัทก็มีสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปอยู่ที่เมืองดับลิน ประเทศไอน์แลนด์ แถมยังจะนำเงินลงทุนไปขยายกิจการในไอร์แลนด์ เพิ่มพนักงานอีก 1,000 คนภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วย
ความสำเร็จของ Stripe ในการระดมทุนก้อนใหม่ที่ทำให้บริษัทมีมูลค่ามหาศาล มาจากตลาดอีคอมเมิร์ซบูมในยุค COVID-19 บีบให้บริษัทและห้างร้านต่างๆ ต้องมาขายของออนไลน์กันถ้วนหน้า Stripe ในฐานะผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินจึงได้ประโยชน์ตรงนี้เข้าเต็มๆ โดย Stripe ระบุว่ามีลูกค้าใหม่ในยุโรปเพิ่มขึ้นถึง 2000,000 ราย และในปี 2020 บริษัทต้องประมวลผลธุรกรรมจำนวน 5,000 รายการต่อวินาที
ก้าวต่อไปของ Stripe ย่อมเป็นการ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่บริษัทก็ยืนยันว่ายังไม่รีบ และเราคงได้เห็น Stripe มีสถานะเป็นบริษัทเอกชนไปอีกสักพักใหญ่ๆ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Stripe ประกาศขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคใหม่ๆ คือ บราซิล อินเดีย อินโดนีเซีย ยูเออี และที่สำคัญคือ ประเทศไทย ก็อยู่ในเรดาร์ของ Stripe ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจาก Stripe และ Financial Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา