พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาเล่าประวัติการสร้างเนื้อสร้างตัว ผ่านแอพ Clubhouse ที่จัดโดยกลุ่ม CARE โดยใช้ชื่อว่า Tony Woodsome
พ.ต.ท.ทักษิณ เล่าว่าตัวเองเรียนจบปริญญาเอก กลับมาจากอเมริกาตอนอายุ 29 พออายุ 30-31 เริ่มคิดว่าจะทำอะไรดี ตอนแรกไม่มีทุนเลย เลยดูธุรกิจของตระกูลที่ทำผ้าไหม ยืมผ้าไหมสต๊อกมาขายก่อน เซ้งหน้าร้านมาทำ ขายไม่ออกเลย ทำได้อาทิตย์เดียวเลยไปหาอย่างอื่นทำแทน
จากนั้นเจอเพื่อนที่ทำหนัง Five Star Productions บวกกับพี่สาวมีธุรกิจโรงหนังที่เชียงใหม่ เลยนำหนังเรื่อง “บ้านทรายทอง” ไปฉายที่โรงหนังภาคเหนือ ลงทุนครั้งแรก 1 ล้านบาท ได้กำไร 1 ล้านบาท แต่ภายหลังหมดตัว เพราะหนังไม่ได้ดังทุกเรื่อง และโดนบังคับซื้อหนังเป็น “บล็อค” ต้องซื้อหนังหลายเรื่องเป็นชุด
ถัดมา ไปซื้อตึกแถวพร้อมโรงหนังแถวราชวัตร เพื่อจะทำคอนโด ซึ่งถือเป็นรายแรกๆ ของไทยในยุคนั้น แต่เจอปัญหาเรื่องกฎหมายผังเมืองเปลี่ยนพอดี ทำให้คอนโดต้องลดแบบจาก 18 ชั้นเหลือ 7 ชั้น พอเริ่มโฆษณา ค่าโฆษณาก็กินหมด เลยไปขอซื้อคืนมาทำเป็นอพาร์ทเมนต์แทน หนี้สินรุงรัง เช็คเด้ง ถึงขั้นโดนหมายจับ ต้องอาศัยแลกเช็คประทังตัวรอดไปทีละสัปดาห์ ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียด
บทเรียนของเรื่อง “โง่มาก่อนฉลาด” คือ เอาความชินเข้าว่า ทำผ้าไหมเพราะที่บ้านมีผ้าไหม ทำโรงหนังเพราะที่บ้านมีโรงหนัง
พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า “ความโง่” คือไม่มีไอเดีย ทำสุกเอาเผากิน ไม่มีวิสัยทัศน์ เป็นบทเรียนของการทำธุรกิจในช่วงแรก
ยุคหลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ หันมาทำธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมของ IBM จากปัญหาว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายค่าเช่าเป็นเงินดอลลาร์ได้ จึงแก้ปัญหาโดยซื้อเครื่องจาก IBM มาให้รัฐบาลเช่าเป็นเงินบาทแทน ลงทุนประมาณ 10 ล้านโดยอาศัยคุณหญิงพจมานไปแลกเช็คให้บางส่วน และกู้เงินจากธนาคารทหารไทยอีกบางส่วน เอารายได้ในอนาคตไปค้ำประกัน (securitization)
ธุรกิจ IBM พอให้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ยังเป็นหนี้ เลยมองหาธุรกิจใหม่ไปทำด้านสื่อสาร ที่สามารถเก็บเงินสดเป็นรายเดือนมาหมุนได้ง่ายกว่า จึงกลายเป็นธุรกิจ Paclink และ Phonelink ในเวลาถัดมา จนประสบความสำเร็จกลายเป็นผู้นำในวงการสื่อสารของประเทศไทยได้
พ.ต.ท.ทักษิณ มาล้างหนี้ได้หมดจริงๆ ตอนนำบริษัทชินคอร์ป (อินทัชในปัจจุบัน) เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยค้นพบว่าต้องปรับระบบบัญชีให้ถูกต้อง โปร่งใส แล้วเอาหุ้นที่มีไปขอสินเชื่อก่อน เพื่อนำเงินสดมาเติมในบริษัทให้ครบก่อน สุดท้ายเอาหุ้นเข้าตลาดได้ตอนอายุ 40 ปี ตอนอายุ 43 มีทรัพย์สินมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท
พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าการเรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก ตนเองไม่ได้จบสายวิศวะมา แต่ก็เรียนรู้ธุรกิจสื่อสาร-โทรคมนาคมด้วยตัวเองทุกอย่าง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา