ไมเนอร์ฟู้ด (MINT) มั่นใจ ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ปี 63 ไตรมาส 4 ขาดทุน 5.6 พันล้านบาท

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2563 มีผลขาดทุนสุทธิ 5.6 พันล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งก็มาจากการที่หลายภูมิภาคทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปและอเมริกาใต้ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดประเทศและมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมโรคระบาด

Minor Food MINT ไมเนอร์ปี 2563 MINT ขาดทุนจากการดำเนินก่อนผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 1.88 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากโควิดหนักสุด เนื่องจากทั่วโลกออกมาตรการปิดประเทศส่งผลให้การเดินทางหยุดชะงัก แม้ว่าแนวโน้มระยะสั้นจะยังไม่แน่นอนจากการระบาดส่งผลกระทบแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค แต่แนวโน้มระยะยาวมีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้นเรื่อยๆ จากประสิทธิภาพและการกระจายวัคซีน รวมถึงการจองห้องพักล้วงหน้าที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้หน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT ระบุว่า MINT ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง บริษัทที่วางแผนรับมือการระบาดของโควิด-19 ระลอกสองที่ทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ในไตรมาส 4 บริษัทเห็นสัญญาณเชิงบวกในกลุ่มธุรกิจ อาทิ ไมเนอร์ ฟู้ดปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง กลับมาทำกำไรได้ระดับเดียวกับช่วงก่อนระบาดโควิดในไตรมาส 3 กำไรจากการดำเนินงานของไมเนอร์ ฟู้ด ไตรมาส 4 ปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากไตรมาส 4 ปี 2562

สาเหตุมาจากการดำเนินธุรกิจร้านอาหารในจีนที่แข็งแกร่ง ส่วน Minor Hotels ในประเทศมัลดีฟส์และออสเตรเลียมีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ช่วงไตรมาส 4 มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเดือนธันวาคม 2563 ใกล้เคียงธันวาคมปี 2562 ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลับมาสร้างกำไรได้ไตรมาส 4 ปี 2563 

Minor food

Minor Food มีกำไรสุทธิ 540 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2563 เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากไตรมาส 4 ปี 2562 มีกำไรสุทธิจำนวน 258 ล้านบาท การบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยอดขายต่อร้านเดิมของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในออสเตรเลียปรับตัวดีขึ้นในทุกๆ เดือน มียอดขายต่อร้านเดิมกลับมาระดับก่อนการระบาดของโรคโควิดในเดือนธันวาคม 2563 

มาตรการลดค่าใช้จ่ายในทุกแบรนด์ของเครือ Minor Food และการประหยัดต่อขนาดของแบรนด์บอนชอน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในไทยทำกำไรสูงขึ้นมากกว่า 2 เท่าในไตรมส 4 ปี 2563 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2562

Minor Hotels ขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนในไตรมาส 4 ในประเทศมัลดีฟส์มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเดือนธันวาคม ปี2563 ต่ำกว่าเดือนธันวาคม ปี 2562 เพียง 5% เนื่องจากมัลดีฟส์นักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัว รวมถึงแคมเปญต่างๆ ที่ผลักดันการเข้าพักในโรงแรม ส่งออสเตรเลียมีแคมเปญการตลาดในประเทศที่ช่วยให้มีแขกมาเข้าพักเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเปิดพรมแดนระหว่างรัฐและการท่องเที่ยวภายในเป็นส่วนสำคัญส่งผลให้ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์และโรงแรมในประเทศปรับตัวดีขึ้น 

รายได้โดยรวมลดลง ส่งผลให้ Minor Hotels มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่ไม่นับรวมการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 5.1 พันล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2563 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 4.4 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 

Minor

ช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา MINT ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขยายระยะเวลายกเว้นการทดสอบการดำรงอัตราส่วนทางการเงินออกไปอีก 2 ปีจนถึงสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ หลังผ่านสองเดือนแรกของปี 2564 ยังคงเผชิญความท้าทายครึ่งปีแรกจนกว่าจะกระจายวัคซีนได้ในวงกว้าง MINT พร้อมดำเนินธุรกิจเมื่อพรมแดนประเทศต่างๆ กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว Minor Hotels คาดว่าการดำเนินในยุโรปจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการเดินทางภายในภูมิภาคซึ่งเป็นธุรกิจหลัก 

Minor Food จะมุ่งขยายตลาดการจัดส่งอาหารที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเร่งยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจนั่งรับประทานอาหารภายในร้านเมื่อมาตรการเว้นระยะห่างจากสังคมเริ่มผ่อนคลาย ระยะสั้น ยอดขายอสังหาริมทรัพย์เป็นแรงผลักโดยรวม กระแสเงินสดของ MINT ยังแข็งแกร่ง และยังให้ความสำคัญการลดกระแสเงินสดจ่ายด้วยการควบคุมใช้จ่ายและเงินลงทุนในขณะที่ยังบริหารจัดการฐานทางการเงินอย่างมีวินัย

 ที่มา – Minor

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา