การยึดอำนาจในเมียนมา กระทบความเชื่อมั่น นักลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ตัดสินใจชะลอการลงทุนหันมานำเข้ารถแทน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ไทยอาจได้อานิสงค์ส่งออกรถยนต์เพิ่ม 2-4%
การยึดอำนาจของกองทัพเมียนมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มทำการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับประเทศเมียนมาสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นใจของนักลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและค่ายรถยนต์ที่เข้าไปลงทุนสร้างฐานการผลิตประกอบรถยนต์และทำการตลาดในเมียนมาที่เริ่มตัดสินใจชะลอการลงทุนเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความเสี่ยงจากการยึดอำนาจของกองทัพ
ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมรถยนต์ในเมียนมาอยู่ในช่วงขยายตัวและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าไปลงทุนอย่างมากเนื่องจากการผลักดันนโยบายในประเทศให้เอื้อต่อการประกอบรถยนต์ของรัฐบาลทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในเมียนมาเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้รถยนต์ในประเทศกว่า 1 ล้านคันเป็นรถเก่าใกล้หมดสภาพที่ต้องการรถยนต์ใหม่มาทดแทนและเมื่อพิจารณาร่วมกับจำนวนประชากรชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อในเมียนมาเกือบ 10 ล้านคนทำให้ตลาดรถยนต์ในเมียนมามีโอกาสเติบโตอีกค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตามการเข้ายึดอำนาจของกองทัพเมียนมาส่งผลให้ศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องหยุดชะงักเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำตลาดรถยนต์ในประเทศ ส่งผลให้การลงทุนมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นและกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาวทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์เมียนมาในปัจจุบันตัดสินใช้ชะลอการลงทุนและลดความเสี่ยงโดยการนำเข้ารถยนต์เข้าไปขายแทน
การที่นักลงทุนชะลอการลงทุนในการสร้างฐานการผลิตในประเทศเมียนมาส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดเนื่องจากศักยภาพการผลิตในปัจจุบันยังมีอยู่ค่อนข้างจำกัด ทำให้นักลงทุนต้องหันมานำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศเพื่อทดแทนความต้องการและลดความเสี่ยงจากการลงทุนแทน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การนำเข้ารถยนต์ของเมียนมาในครั้งนี้ไทยอาจได้อานิสงค์ส่งออกรถยนต์ไปเมียนมาเพิ่มขึ้น 2-4% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 86.5-88.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังได้ประโยชน์จากการที่เมียนมาปรับลดอัตราภาษีจดทะเบียนรถยนต์นำเข้าลงในช่วงเดือนสิงหาคม 2563
อย่างไรก็ตามแม้ไทยจะมีโอกาสส่งออกได้มากขึ้นแต่ก็ยังต้องเผชิญกับอัตราการแข่งขันที่สูงขึ้นจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศอื่นๆ อย่าง
- เกาหลีใต้และชาติตะวันตก ที่ได้สิทธิประโยชน์จากการลดภาษีนำเข้าลง 10% เหลือ 20-30% ทำให้สามารถลดราคาลงมาแข่งขันได้มากขึ้น
- จีน ที่ได้รับการลดภาษี FTA อาเซียน-จีน ลง 30% เหลือ 5%
- อินโดนีเซีย ที่เป็นคู่แข่งรถยนต์ MPV ที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดเพราะสามารถบรรทุกคนได้เยอะ
สรุป
อุตสาหกรรมรถยนต์เมียนมาได้รับผลกระทบจากการยึดอำนาจของกองทัพทำให้นักลงทุนตัดสินใจชะลอการลงทุนในฐานการผลิตรถยนต์และหันมานำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศแทน ไทยอาจได้รับอานิสงค์จากการนำเข้านี้ทำให้ส่งออกรถยนต์ไปเมียนมาได้เพิ่มขึ้น 2-4% จากปี 63 แต่ก็ต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่าง เกาหลีใต้ จีน ชาติตะวันตกอื่นๆ และประเทศที่รถยนต์นำเข้าได้รับความนิยมอย่างอินโดนีเซีย
ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา