หลายคนรู้จัก ไฮเออร์ (Haier) เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้านวัตกรรม โดยเริ่มจากการทำโรงงานตู้เย็นขนาดเล็กในเมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาชนจีน และต่อยอดเป็นนวัตกรรมอื่นๆ ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นอย่างที่ได้เห็นในปัจจุบัน
เป็นเวลากว่า 37 ปี ที่แบรนด์ไฮเออร์โลดแล่นอยู่ในอุตสาหกรรม และผ่านวิกฤตการณ์มาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในช่วงที่ก้าวสู่วิกฤตขาลงในการดำเนินธุรกิจจนก่อให้เกิดสภาวะหนี้สิน บริษัทขาดทุน และเกือบล้มละลาย
แต่ด้วยความที่แบรนด์มีหลักการในการดำเนินงานทางด้านธุรกิจที่มั่นคงโดยยึดมั่นหลักการพัฒนาเรื่อง “การให้ความสำคัญกับคุณค่าของมนุษย์” หรือที่ไฮเออร์เรียกกันว่า RenDanHeyi (เหรินตันเหออี) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน เป็นแนวคิดร่วมสมัยผสมผสานกับความเป็นสากล คิดค้นโดย จาง รุ่ยหมิ่น ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มบริษัทไฮเออร์ และไฮเออร์ได้นำเอาแนวคิดนี้มาหลอมรวมเพื่อพัฒนาองค์กร โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ วัฒนธรรม และสังคม ในกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป จนทำให้พนักงานมีแรงผลักดันในการพัฒนาบริษัทให้กลับมามีศักยภาพอีกครั้ง สามารถพลิกเกมธุรกิจจนกลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน
RenDanHeyi คืออะไร?
ในความหมายภาษาจีน คำว่า “Ren” หมายถึง พนักงาน คือการเน้นให้ความสำคัญกับพนักงานมาก่อน (Human Value First) พนักงานไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ปฏิบัติงานหรือรับคำสั่งเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ประกอบการและเป็นพันธมิตรของบริษัทที่ได้รับสิทธิ์ 3 ข้อ ได้แก่ สิทธิ์ในการตัดสินใจในองค์กร สิทธิ์ด้านทรัพยากรบุคคล และสิทธิ์ในการใช้ทรัพยากรได้อย่างทั่วถึง และผลักดันให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านความถนัดเฉพาะทาง การทำงานร่วมกับทีม และสำคัญที่สุดคือความกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ และกล้าตัดสินใจ
“Dan” หมายถึง คุณค่า และความต้องการของผู้ใช้งาน โดยพนักงานในองค์กรจะต้องเข้าใจถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการรวมทั้งงานที่ได้รับมอบหมาย แทนที่จะเป็นเพียงแค่การรับคำสั่งจากหัวหน้างานเท่านั้น แต่จะต้องเห็นความสำคัญของงานที่กำลังทำอยู่และส่งผ่านค่านิยมเหล่านี้ระหว่างพนักงานด้วยกันเอง เพื่อส่งต่อคุณค่าเหล่านี้ไปสู่ผู้ใช้สินค้า และมีการเรียนรู้ที่จะรับฟังความต้องการของผู้ใช้อย่างจริงใจ (Lifelong Users Experience)
ส่วนคำว่า “Heyi” หมายถึง การบูรณาการเอาประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กรมาตอบสนองและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง โดยพนักงานทุกคนจะต้องเข้าใจคุณค่าของตนผ่านการสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้งาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ารู้สึกอยากกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทซ้ำๆ (Experience Iteration is King) โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
หลักการ Rendanheyi ได้รับการยอมรับและพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญและองค์กรชั้นนำระดับโลกแล้วว่า เป็นรูปแบบการจัดการแบบ Disruptive ที่แท้จริงโมเดลแรกของโลก นับตั้งแต่การปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
ในขณะที่แนวคิดและหลักการในการบริหารจัดการองค์กรแบบดั้งเดิม (Traditional Model) จะเน้นให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นของบริษัทมาก่อน (Shareholders First) โดยที่ไม่คำนึงถึงตัวพนักงานที่ทำงานให้องค์กร และเน้นจำนวนลูกค้าให้ได้มากที่สุด (Customers Transaction) แต่ไม่ได้เน้นสร้างความประทับใจเพื่อให้ได้ลูกค้าระยะยาว ไม่ได้สร้างคุณค่าของงานที่พนักงานรู้สึกภาคภูมิใจ ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับจำนวนของลูกค้า หรือ Customer Traffic is King มากกว่าการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ารู้สึกอยากกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อีกครั้ง ซึ่งหลักการการบริหารองค์กรแบบดั้งเดิมนี้ กำลังถูกท้าทายด้วยวิธีการในโลกสมัยใหม่ และอาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับองค์กรในยุค IoT ที่ต้องการทรานส์ฟอร์มไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
หลักการพัฒนาองค์กรแบบ RenDanHeyi ช่วยให้ไฮเออร์รอดพ้นวิกฤตครั้งนั้นมาได้ และเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยยอดขายทั่วโลกเติบโตขึ้นเฉลี่ยรวมกว่า 75% จากปีก่อนหน้า (พ.ศ. 2561) จากความสำเร็จครั้งนี้ ทางกลุ่มบริษัทไฮเออร์ได้ทำการจดทะเบียนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 4 บริษัท บริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์น 2 บริษัท อีกทั้งสร้างบริษัทที่เตรียมเป็นยูนิคอร์นและกาเซลล์ 12 บริษัท ก่อตั้งศูนย์วิจัยใหญ่ 10 แห่งทั่วโลก นิคมอุตสาหกรรม 25 แห่ง รวมทั้งศูนย์ปฏิบัติการ 112 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ สถาบันวิจัยผลิตภัณฑ์ไฮเออร์ (Haier Model Research Institute หรือ HMI)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา