รู้จักกับ Whitney Wolfe Herd หญิงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้ง Tinder สู่การสร้าง Bumble แอปหาคู่ที่ต้องการให้สิทธิ์ในโลกอินเตอร์เน็ตกับผู้หญิง
ถ้าพูดถึงแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ ชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น Tinder ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหาคู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จนกลายเป็นเหมือนภาพจำว่าการหาคู่ออนไลน์ก็ต้องปัดซ้ายปัดขวาบน Tinder ไปโดยปริยายแต่ในความจริงแล้วในโลกนี้ยังคงมีแอปพลิเคชันหาคู่อื่นๆ อยู่อีกจำนวนมาก รวมถึง Bumble แอปพลิเคชันหาคู่ที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
Whitney Wolfe Herd ผู้ต้องการสร้างโลกอินเตอร์เน็ตสำหรับผู้หญิง
Bumble ก่อตั้งเมื่อปี 2014 โดย Whitney Wolfe Herd ในขณะนั้นเธออายุเพียง 25 ปีเท่านั้น โดยเธอมีเป้าหมายที่จะสร้างสังคมในอุดมคติ มีความเท่าเทียม ผู้หญิงมีสิทธิที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ได้ในทุกด้าน ซึ่งนั่นหมายถึงแอปพลิเคชันหาคู่ Bumble ที่เธอก่อตั้งขึ้นด้วย
ด้วยความที่เธอต้องการให้สิทธิ์แก่ผู้หญิงเป็นสำคัญ พนักงานในบริษัทของเธอกว่า 82% จึงเป็นผู้หญิง รวมถึงทีมผู้บริหารเกือบทั้งหมดก็เป็นผู้หญิงด้วยเช่นกัน
แนวคิดของแอปพลิเคชัน Bumble ความจริงแล้วจะเรียกว่าแอปพลิเคชันหาคู่สำหรับผู้หญิงก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะในความจริงแล้ว เธอตั้งใจให้แอปพลิเคชันของเธอเป็นพื้นที่สำหรับผู้หญิงที่ต้องการพบเพื่อน และเครือข่ายคนทำงาน โดยผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Bumble ที่เป็นผู้หญิงจะมีสิทธิ์ในการเลือกก่อนผู้ชาย โดยใช้หลักการปัดซ้ายปัดขวาเหมือน Tinder แต่เมื่อมีการ Match กันแล้ว ฝ่ายหญิงจำเป็นต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจส่งข้อความหาฝ่ายตรงข้ามก่อนภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นการ Match ก็จะถือว่าสิ้นสุดลง
จากผู้ร่วมก่อตั้ง Tinder สู่การสร้างแอปฯ Bumble
ย้อนกลับไปในปี 2012 ก่อนที่เธอจะก่อตั้งแอปพลิเคชันหาคู่ Bumble ความจริงแล้ว Wolfe Herd เคยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแอปพลิเคชันหาคู่ชื่อดังอย่าง Tinder ก่อนที่จะมีปัญหาอย่างรุนแรงกับ Justin Mateen ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนหนึ่ง จนเกิดเป็นคดีฟ้องร้องกันเรื่องการคุกคามทางเพศ และการเลือกปฎิบัติ จนในท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวจบลงด้วยดี
ซึ่ง Tinder เอง ก็มีส่วนสำคัญของการเริ่มก่อตั้ง Bumble ด้วยแนวคิดการปัดซ้ายปัดขวาคล้ายๆ กัน เพราะปฎิเสธไม่ได้เลยว่าใครๆ ก็ต่างต้องการแอปพลิเคชันหาคู่ที่ใช้งานง่ายแบบ Tinder
ไม่สนับสนุนความรุนแรง-ภาพอนาจาร
นอกจากความต้องการสร้างโลกอินเตอร์เน็ตสำหรับผู้หญิงแล้ว Wolfe Herd ยังมีความคิดไม่สนับสนุนความรุนแรงอย่างจริงจังอีกด้วย ย้อนกลับไปในช่วงเหตุการณ์กราดยิงในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอตัดสินใจแบนรูปที่มีปืนในแอปพลิเคชัน Bumble ของเธอโดยทันที รวมถึงเธอยังสนับสนุนการผลักดันกฎหมายในรัฐเท็กซัส ที่ระบุให้การส่งภาพอวัยวะเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และเธอก็ได้นำระบบ AI มาใช้คัดกรองภาพเหล่านี้บนแอปพลิเคชัน Bumble โดยลบภาพก่อนที่ผู้ใช้งานจะทันได้เห็น
เปลี่ยนพฤติกรรมคนที่ทำมานานนับพันปี
อย่างไรก็ตามเป้าหมายในการพัฒนาแอปพลิเคชัน Bumble ของเธอ กลับไม่ได้ต้องการที่จะแข่งขันกับ Tinder รวมถึงแอปพลิเคชันหาคู่อื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด เพราะเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า “เราไม่เหมือนกับคู่แข่ง ที่ต้องการให้คนนัดเจอกัน แต่เธอต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนที่ทำต่อกันมานับพันปี”
ทำลายสถิติหญิงผู้นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะแข่งกับแอปพลิเคชันหาคู่อื่นๆ ในท้องตลาด แต่ก็ต้องยอมรับว่าในวันนี้แอปพลิเคชัน Bumble ของเธอมาไกลจากจุดเริ่มต้นที่ต้องการสร้างโลกอินเตอร์เน็ตในอุดมคติสำหรับผู้หญิง เพราะเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Bumble เพิ่งจะเริ่มทำการ IPO ในตลาดหุ้น NASDAQ ของประเทศสหรัฐอเมริกาไป
Bumble สามารถระดมทุนไปได้ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.57 หมื่นล้านบาท มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ทำให้ Bumble กลายเป็นแอปพลิเคชันหาคู่ที่มีมูลค่ามากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาทเลยทีเดียว โดยตัว Wolfe Herd ก็ยังทำลายสถิติเป็นนักธุรกิจหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่สามารถนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้ด้วยวัย 31 ปี
อย่างไรก็ตาม โอกาสของผู้ประกอบการหญิงในการทำธุรกิจยังคงไม่ใช่สิ่งที่ได้มาอย่างง่ายๆ เสมอไป เพราะจากการศึกษาของ Pew Research พบว่า บริษัทที่อยู่ใน S&P 500 เพียง 6% เท่านั้น ที่มี CEO เป็นผู้หญิง แม้ว่าจำนวนผู้บริหารหญิงจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า จากปี 2007 และปี 2017 ก็ตาม แต่หากนับเป็นจำนวนก็ยังน้อยอยู่เช่นเดิม
ที่มา – Fastcompany (1), (2), CNBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา